The Nordic Secret: รากฐานทางประวัติศาสตร์และการเรียนรู้ของสแกนดิเนเวีย

ในการเรียนโปรแกรม IDG Ambassador (Monsoon Cohort) ผมได้รับคำแนะนำให้ศึกษาเรื่อง The Nordic Secret: A European Story of Beauty and Freedom จาก Tomas Björkman ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ร่วมกับ Lene Rachel Andersen นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ร่วมริเริ่มเป้าหมายการพัฒนาด้านใน (Inner Development Goals) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Oak Island Foundation และ 29k Foundation รวมถึงเป็นประธานคณะกรรมการของ Inner Development Goals นอกจากนี้ Tomas Björkman ยังได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในงาน "Inner Growth for Sustainable Development: Insights from Science and the Inner Development Goals Initiative" ซึ่งจัดโดย The Harvard Human Flourishing Program" เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2023 ด้วย

เรื่องราวใน The Nordic Secret ได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่ (ถูกลืมไป) ว่าทำไมประเทศแถบสแกนดิเนเวีย (เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์) จึงสามารถเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีความมั่งคั่ง มีความสุข และมีเสถียรภาพมากที่สุดในโลกได้ จากเมื่อ 150 ปีก่อน เคยเป็นสังคมเกษตรกรรมที่ยากจนและไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ประชากรวัยทำงานมากถึง 30% ต้องอพยพออกนอกประเทศซึ่งส่วนใหญ่ไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม Thomas Birkman ระบุว่าสิ่งที่สแกนดิเนเวียทำเมื่อในอดีต ไม่ควรถูกมองว่าเป็นพิมพ์เขียว (blueprint) ที่จะใช้ได้กับทุกอย่างในปัจจุบัน จำเป็นต้องคำนึงถึงระยะเวลา ค่าใช้จ่าย และการขยายผลอย่างเหมาะสมกับยุคสมัย อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนี้เป็น กรณีศึกษาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการสนับสนุนการพัฒนาด้านในของคนจำนวนมากในสังคม แล้วเกิดประโยชน์ขึ้นต่อสังคมนั้น ไม่ใช่แนวคิดยุคใหม่ แต่ได้รับการทดสอบและประสบความสำเร็จอย่างมากในสี่ประเทศแถบนอร์ดิก (เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์)

ผู้บุกเบิก ได้แก่ ปัญญาชน และนักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ในสแกนดิเนเวีย เกิดการตระหนักว่าในช่วงเวลาที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มนุษย์มักจะโหยหาอำนาจภายนอกและพยายามยึดถือเอาไว้ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการเห็นในสังคม คือ การสร้างประชาธิปไตยจากรากฐานอย่างแท้จริงและยั่งยืน

แนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลจาก นักปรัชญาในอุดมคติชาวเยอรมัน (German idealist philosophers) เช่น Schiller และ Goethe ในช่วงต้นทศวรรษ 1800 พวกเขาโต้แย้งแนวคิดของนักปรัชญายุคแสงสว่างที่มองว่าจิตใจเป็นเพียงเครื่องจักรที่มีเหตุผล แต่เขาเสนอว่าจิตใจเป็นระบบชีวภาพที่จัดระเบียบตนเองและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งสามารถถูกขัดขวางหรือสนับสนุนได้ กระบวนการนี้ถูกเรียกว่า "Bildung" (การพัฒนาจิตสำนึก) อย่างไรก็ตาม แนวคิด Bildung ในเยอรมันในยุคนั้น ได้มอบให้เฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้น เนื่องจากผู้นำเกรงว่า หากพัฒนาจิตสำนึกในประชาชนหมู่มาก อาจนำไปสู่การปฏิวัติได้ แต่ในสแกนดิเนเวีย เชื่อว่าการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงและสังคมอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าจำเป็นต้องมีพลเมืองจำนวนมากที่สามารถเป็น "ผู้ร่วมสร้าง" (conscious co-creators) โลกใบใหม่อย่างมีสติ ดังนั้นพวกเขาจึงนำแนวคิด Bildung ของเยอรมันมาปรับใช้เป็น "Folks Bildung" หรือ Bildung สำหรับประชาชน

จุดมุ่งหมายหลัก คือ การส่งเสริมการพัฒนาด้านใน (inner development) ของบุคคล โดยเปลี่ยนจาก "การถูกชี้นำจากภายนอก" (outer directed) ไปสู่ "การชี้นำตนเองจากภายใน" (inner directed) หรือที่ศาสตราจารย์ Bob Keegan เรียกว่า "จิตใจที่สามารถกำหนดชีวิตตนเองได้" (self-authoring mind) แม้จะไม่มีคำศัพท์เฉพาะ เช่น Inner Development Guide ในเวลานั้น แต่โปรแกรมเหล่านี้เน้นการค้นหาตนเอง คุณค่าชีวิต การพัฒนาเครื่องมือทางความคิด การสร้างความสัมพันธ์ การทำงานร่วมกัน และการลงมือทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ IDGs มุ่งเน้นนำเสนออยู่ในปัจจุบันนั่นเอง

ในการเผยแพร่แนวคิดนี้ พวกเขาได้สร้าง "ศูนย์ฝึกปฏิบัติแบบเก็บตัวในธรรมชาติ" (retreat centers out in nature) ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันนานถึง 6 เดือน (ภายหลังได้รับเงินอุดหนุนเต็มจำนวนจากรัฐ) โดยเริ่มต้นในเดนมาร์กช่วงทศวรรษ 1860 และแพร่หลายอย่างรวดเร็วไปยังนอร์เวย์และสวีเดน ภายในปี 1900 มีศูนย์ดังกล่าว 100 แห่งในเดนมาร์ก 75 แห่งในนอร์เวย์ และ 150 แห่งในสวีเดน ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดเมื่อ 100 ปีก่อน เยาวชนทุกรุ่นอายุ จำนวน 10% มีโอกาสเข้าร่วมโปรแกรมเหล่านี้ ซึ่งมาจากทุกสาขาอาชีพ สร้างสิ่งที่เรียกว่า "มวลวิกฤต" (critical mass) หรือ "จุดเปลี่ยน" (Tipping Point) ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอก

นอกจากสร้างการเปลี่ยนแปลงในประเทศแถบสแกนดิเนเวียแล้ว แนวคิดนี้ยังเดินทางไปถึงสหรัฐอเมริกา โดย Miles Horton ได้นำแนวคิดนี้จากเดนมาร์กมาเป็นรากฐานในการตั้งโรงเรียนในสหรัฐฯ Rosa Parks ซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าปกหนังสือ "The Nordic Secret" เคยกล่าวไว้ว่าความกล้าหาญและความเข้มแข็งในการไม่ยอมลุกจากที่นั่งบนรถบัสที่อลาบามา มาจากการที่เธอเข้าร่วมศูนย์อบรมแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดนี้ คือ Highlander Folk School ในรัฐเทนเนสซี และ Martin Luther King Jr. รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในขบวนการสิทธิพลเมืองหลายคน ก็ได้รับการฝึกอบรมที่นั่นเช่นกัน อดีตประธานาธิบดี Barack Obama ยังเคยกล่าวในการเลี้ยงอาหารค่ำว่า แนวคิดนี้เป็น "ของขวัญที่ถูกลืม" (forgotten gift) จากสแกนดิเนเวีย และหากไม่มีแนวคิดนี้ เขาอาจจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา

ส่วนตัวผมเองมีความเข้าใจอยู่ก่อนบางส่วนว่าการพัฒนาด้านในคืออะไร ซึ่งพบว่า IDGs ก็ส่งเสริมการพัฒนาด้านในตามแบบที่ผมเคยเข้าใจนั่นแหละ เพียงแต่ว่า ภายหลังศึกษาอย่างลงลึกมากขึ้นก็พบว่า IDGs มีจุดเน้นพิเศษที่มีความเฉพาะตัวเหมือนกัน นั่นก็คือ การเติบโตด้านในสู่การเปลี่ยนแปลงภายนอก (Inner Growth for Outer Change) มันชัดเจนมาก ๆ จากเรื่องราวใน The Nordic Secret เมื่อโลกด้านในของบุคคลเปลี่ยน เมื่อมีจำนวนมากพอจะนำไปสู่พลังในการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ในหัวข้อต่อไป ผมจะเขียนชี้แจงให้ชัดขึ้นถึงความเฉพาะตัวของการพัฒนาด้านในแบบ IDGs

งานเขียนที่เกี่ยวข้อง

รัน ธีรัญญ์, Ph.D. Soft Skills Trainer, Contemplative Facilitator, and Certified Strengths Coach
Since:
Update:

Read : 459 times