การปล่อยวางและการยืนหยัด ใน Inner Development Guide (IDG)

การปล่อยวางและการยืนหยัด นำไปสู่แนวคิดหลักของ IDG ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านในสู่การเปลี่ยนแปลงภายนอก ใน Inner Development Guide (IDG) จึงมีทั้งคุณสมบัติด้านใน ที่ชวนให้เกิดการปล่อยวางและการยืนหยัด ในส่วนของการปล่อยวางนั้น สำหรับผู้ที่สนใจการฝึกจิตฝึกใจน่าจะคุ้นเคยคำนี้มาแล้ว ก็จะช่วยให้สามารถเข้าใจ IDG ได้แบบง่าย ๆ ผ่าน 2 คุณสมบัติด้านใน คือ (1) การให้อภัย และ (2) การดำรงอยู่ในปัจจุบัน

การให้อภัย (Forgiveness) คือ ความเต็มใจที่จะก้าวข้ามความเป็นศัตรู ทำงานผ่านปมภายใน และสร้างพื้นที่เพื่อการเยียวยา (Willingness to transcend hostility, work through trauma, and create space for healing.)

การดำรงอยู่ในปัจจุบัน (Presence) คือ ความสามารถในการอยู่กับปัจจุบันอย่างเต็มเปี่ยม ณ ที่นี่ และ ขณะนี้ ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และตอบสนองอย่างมีความหมาย (Capacity to be fully present in the here and now, to accept reality as it unfolds, and to respond in meaningful ways.)

ในขณะเดียวกัน IDG ยังมีเข็มทิศนำทางในการเติบโตด้านในสู่การเปลี่ยนแปลงภายนอก ผ่านคำว่า "The good of the whole" ผมขอแปลว่าประโยชน์สุขต่อส่วนรวม (ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่แบ่งกันในกลุ่มของตน) และมี 2 คุณสมบัติ ที่ชวนให้เรายืนหยัดต่อสิ่งนี้ คือ (1) ความกล้าหาญ และ (2) ความซื่อตรงและความจริงแท้

ความกล้าหาญ (Courage) คือ การยืนหยัดเพื่อค่านิยมพื้นฐาน การตัดสินใจ การลงมือทำ และเมื่อจำเป็น ก็กล้าที่จะตั้งคำถามและท้าทายโครงสร้างหรือมุมมองที่มีอยู่เดิม (Standing up for fundamental values, making decisions, taking action, and, when needed, questioning and disrupting established structures and views.)

ความซื่อตรงและความจริงแท้ (Integrity and Authenticity) คือ ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อความซื่อสัตย์และคุณค่าที่มั่นคง แสดงออกและสื่อสารผ่านการกระทำ (A sincere commitment to honesty and firmly grounded values, expressed and embodied in action.)

เมื่อการปล่อยวางและการยืนหยัดมาบรรจบเข้าด้วยกัน ทำให้ผมคิดถึงการมีชีวิตที่เข้าใจทั้งทางธรรมและทางโลก เห็นถึงความจำเป็นที่เราจะมีบุคลากรที่มีสติ มีใจที่เป็นอิสระจากสิ่งกระตุ้นทั้งหลาย ได้มาเยียวยาจิตใจผู้คน การมีศูนย์ Retreat ที่พาให้เรากลับไปสู่ข้างในตนเอง เพื่อได้ทบทวน สร้างความกลมเกลียวภายในจิตใจ และเห็นถึงความจำเป็นที่เราจะมีบุคลากรที่มีพลังในการยืนหยัด ขับเคลื่อนและสนับสนุนงานเพื่อสังคม ไม่ปล่อยให้ความรุนแรงกดทับการเป็นอยู่ในสังคม

การปล่อยวางและการยืนหยัด นำไปสู่แนวคิดหลักของ IDG ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านในสู่การเปลี่ยนแปลงภายนอก (Inner Growth for Outer Change) สร้างคลื่นความเข้าใจร่วมกันว่า การเปลี่ยนแปลงภายนอกนั้น จะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านใน

เพื่อน ๆ คิดว่าทั้งการปล่อยวางและการยืนหยัด จะอยู่ในคนคนเดียวกันได้มั้ย ถ้าทำได้ จะมีลักษณะเป็นอย่างไร หรือว่าเราควรเกื้อกูลกัน อยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีทั้งการฝึกจิตฝึกใจให้ปล่อยวาง และยืนหยัดต่อคุณค่าร่วมแบบ “The good of the whole” เพื่อประโยชน์สุขต่อส่วนรวม ที่ไม่มีการแยกขาดจากกันระหว่าง มนุษย์ สิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต และกาลเวลา ในหัวข้อต่อไป ผมจะเขียนถึงการเชื่อมโยงสัมพันธ์ ในระดับกรอบอ้างอิงที่ลึกสุดจิตสุดใจที่นำไปสู่การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงความยั่งยืนที่เราต้องการร่วมกัน

เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

  • ในเดือน พ.ย. 2568 เกิดมหาอุทกภัย ที่หาดใหญ่ อาสาสมัครต้องยืดหยัดคุณค่าในการช่วยชีวิตผู้คน ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลจิตใจ เมื่อไม่พอใจระบบการทำงานของภาครัฐ และเกิดแรงต้านจากบางคนในบางพื้นที่ นอกจากนี้แล้ว ภายหลังน้ำลด อาสาสมัครอีกกลุ่มก็จะมีบทบาทสำคัญมากในการเยียวยาจิตใจผู้คน ให้ผ่านสภาวะในใจที่อาจยังรับไม่ได้ โกรธแค้น ซึมเศร้า ก่อนที่จะยอมรับ ผ่อนคลาย ปล่อยวาง ไปจนถึงการให้อภัยอดีต และกลับมาสู่ปัจจุบันได้ การเลือกผู้นำที่หวังว่าเขาจะเป็นคนที่ใช่ แล้วปล่อยให้เขานำเราเท่านั้นอาจไม่เพียงพอ แต่เราอาจจะต้องยืนหยัดและร่วมมือกัน ไม่ส่งเสริมคนที่ไม่ถนัดทำงาน มานำงานที่มีผลกระทบมากต่อส่วนรวม
  • ในการใช้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือ เกิดมีข้อผิดพลาดที่ชัดเจน ในการคิดค่าบริการเกินจริงตลอด 2 เดือน ผมในฐานะผู้ใช้บริการจำเป็นต้องยืนหยัดความถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็ต้องปล่อยวาง เพื่อดูแลการสื่อสารแบบที่ให้เกียรติ Call Center พนักงานที่คอยรับเรื่องและแก้ปัญหาให้ ผลสุดท้าย คือ องค์กรยินดีช่วยด้วยการโยกเงินที่ตัดบัตรเครดิตของผมไปแล้ว ให้กลายเป็นยอดเงินสะสมที่ชำระล่วงหน้า (Advanced Payment) ของเดือนถัด ๆ ไป
  • ครั้งหนึ่ง ผมจองห้องพักที่ต่างประเทศผ่านตัวแทน แต่การสื่อสารคลาดเคลื่อน ทำให้ได้ที่พักไม่ตรงกับความต้องการ การให้อภัยและปล่อยวางเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันผมก็จำเป็นต้องยืนหยัดความถูกต้องต่าง ๆ หลังการเจรจาประนีประนอม ทำให้ผลสุดท้าย เจ้าของที่พักรับปากว่าผมจะได้พัก ในที่พักที่ใกล้เคียง 5 สัปดาห์ และจะมีการย้ายไปพักในที่ที่ต้องการอีก 3 สัปดาห์ ในเรื่องนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า คนไทยมีวัฒนธรรมที่ประนีประนอมไปจนถึงยอมตามรวมถึงตัวผมด้วยในทีแรก แต่การมีโอกาสได้เชื่อมโยงกับสังคมโลกบ่อย ๆ ผมพบว่า คนไทยอาจเพิ่มการยืนหยัดในการสื่อสารมากขึ้นได้ (Assertiveness) ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายในการทำงานให้ตรงความต้องการที่แท้จริง
  • ในวิถีการฝึกสติแบบหมู่บ้านพลัม (Plum Village) จะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรม หรือ Retreat Center ในขณะเดียวกันผู้ที่มาฝึกปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่ง คือ คนทำงานเพื่อสังคม (Social Worker) การเกื้อกูลกันจึงเกิดขึ้นในสังฆะหรือชุมชน การปล่อยวางและการยืนหยัด จึงดำเนินการไปได้ร่วมกัน เรามาบ่มเพาะสติร่วมกันที่ Retreat Center และกระจายตัวกันออกไป เพื่อขับเคลื่อนงานที่มีคุณค่าอย่างมีสติ

งานเขียนที่เกี่ยวข้อง

รัน ธีรัญญ์, Ph.D. Soft Skills Trainer, Contemplative Facilitator, and Certified Strengths Coach
Since:
Update:

Read : 118 times