"สติ" เชื่อมเรา เชื่อมโลก: จากวิกฤตภายในสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง

งานเขียนนี้ คือ ส่วนหนึ่งในบันทึกการเรียนรู้ของ ดร. ธีรัญญ์ ไพโรจน์อังสุธร จากการเข้าร่วมเรียนรู้ในโปรแกรม IDG Ambassador ในส่วน Pre-work Session 2 ที่ศึกษาผ่านวีดีโอเรื่อง Awareness, Care and Sustainability for Our Earth: Bringing Inner Development and Climate Action Together. Organised by MBSR & ECO-AWARENESS, in collaboration with MWC - Mindfulness World Community.

ขยายความเกี่ยวกับ Mindfulness (สติ), Sustainability (ความยั่งยืน) และ Inner-Outer Transformation (การเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก) ได้ดังนี้ครับ

แนวคิดหลักที่เชื่อมโยงทั้งสามประเด็นนี้คือ วิกฤตความยั่งยืนที่เราเผชิญอยู่ (เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ) ไม่ได้เป็นเพียงปัญหานอกตัวที่ต้องแก้ไขด้วยเทคโนโลยีหรือนโยบายเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วสะท้อนถึง "วิกฤตภายใน" ของมนุษย์ วิกฤตนี้เกิดจาก "เรื่องเล่าของการแบ่งแยก" (story of Separation) ที่ฝังรากในวัฒนธรรมสมัยใหม่ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าตนเองแยกขาดจากผู้อื่น, ธรรมชาติ และแม้กระทั่งร่างกายกับจิตใจของตนเอง

1. Mindfulness (สติ) ในฐานะรากฐานของการเปลี่ยนแปลง

Mindfulness ไม่ใช่แค่การฝึกสมาธิเพื่อความสงบส่วนตัว แต่เป็น เครื่องมือสำคัญในการเยียวยาความสัมพันธ์ที่แตกหักและเป็นรากฐานของการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก

  • การตื่นรู้ (Waking Up): Jon Kabat-Zinn นิยามว่า Mindfulness คือหัวใจของการ "ตื่นรู้" ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับมนุษยชาติในสถานการณ์ปัจจุบัน การตื่นรู้นี้คือการกลับมารับรู้ถึงความจริงแท้ของชีวิตและความเชื่อมโยงของเรากับโลก
  • สำรวจความสัมพันธ์ใหม่: การฝึกสติช่วยให้เราสำรวจและเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราสัมพันธ์กับตนเอง ผู้อื่น และโลกโดยรวม ไปในทางที่สะท้อนความเห็นอกเห็นใจและความรับผิดชอบมากขึ้น แทนที่จะแสวงหาประโยชน์และทำลายอย่างไม่หยุดยั้ง
  • การเชื่อมโยงกายและใจ: การฝึกสตินำเรากลับมาสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นบ้านและเป็นจุดเชื่อมต่อกับโลก ลมหายใจที่เชื่อมโยงเรากับอากาศ, อาหารที่เชื่อมโยงเรากับผืนดิน ล้วนเป็นประตูสู่การตระหนักรู้ถึงความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้ง
  • รากฐานของการลงมือทำ: สติช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือกับอารมณ์ที่ท้าทาย (เช่น ความวิตกกังวลเรื่องสภาพอากาศ หรือ Eco-anxiety) และสร้างความหวัง, ความเมตตา, และความสุข ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการลงมือทำอย่างยั่งยืน

2. Sustainability (ความยั่งยืน) จากมุมมองใหม่

แนวทางการแก้ปัญหาความยั่งยืนในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ เพราะมักมองปัญหาเป็นเรื่องภายนอกและใช้เพียงเทคโนโลยีหรือข้อมูลเป็นคำตอบ จึงต้องมีการขยายความหมายของความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติภายใน

  • ความยั่งยืนคือ Triple Well-being: ความยั่งยืนที่แท้จริงคือสุขภาวะสามระดับ (Triple well-being) ได้แก่ สุขภาวะส่วนบุคคล, สุขภาวะของส่วนรวม, และสุขภาวะของโลก (Planetary well-being) ซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก
  • มิติภายในคือจุดคานงัด (Leverage Points): มิติภายในของมนุษย์ เช่น ความเชื่อ, ค่านิยม, และทัศนคติ เป็น "จุดคานงัด" ที่ลึกและทรงพลังที่สุดในการสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน
  • พฤติกรรม Eco-Wellness: คือพฤติกรรมที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพส่วนบุคคลและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เช่น การเลือกกินอาหารจากพืชมากขึ้น ซึ่งดีต่อสุขภาพและลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

3. Inner-Outer Transformation (การเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก)

นี่คือกระบวนการสำคัญที่เชื่อมโยง Mindfulness และ Sustainability เข้าด้วยกัน โดยมีหลักการว่า "การเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกที่ยั่งยืน ต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเรา"

  • จากเรื่องเล่าของการแบ่งแยกสู่การเชื่อมโยง: กระบวนการนี้คือการเปลี่ยนผ่านจากกระบวนทัศน์ที่มองทุกอย่างแยกส่วน (ซึ่งเป็นต้นตอของวิกฤต) ไปสู่กระบวนทัศน์ที่ตระหนักถึงความสัมพันธ์และความเชื่อมโยง (Relational being)
  • การบูรณาการมิติภายในและภายนอก: แทนที่จะแยกระหว่างการพัฒนาตนเอง (inner) กับการแก้ปัญหาโลก (outer) แนวทางนี้เน้นการบูรณาการทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน โมเดลต่างๆ เช่น Education Tree และ Inner-Outer Transformation Model ถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออธิบายและเป็นแนวทางในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงสองมิตินี้
  • การลงมือทำที่มาจากภายใน: การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภายในจะนำไปสู่การกระทำที่มีแรงจูงใจจากความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับโลก ไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่หรือเพราะถูกบังคับ Jon Kabat-Zinn ย้ำว่า "การลงมือทำทั้งหมดเกิดจากความรัก" (activism... is generated out of love)
  • การทำงานร่วมกัน: การเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอกไม่ใช่เรื่องของปัจเจกบุคคล แต่ต้องการ "ปัญญารวมหมู่" (collective intelligence) และการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เกื้อกูลกัน

โดยสรุป Mindfulness เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เราตระหนักรู้ถึงความเชื่อมโยงภายในและภายนอก ซึ่งเป็นรากฐานในการเปลี่ยนแปลงมุมมองและค่านิยมของเรา (Inner Transformation) การเปลี่ยนแปลงภายในนี้จะนำไปสู่การกระทำและพฤติกรรมที่ส่งเสริมสุขภาวะทั้งของตนเอง, สังคม และโลก (Outer Transformation) ก่อให้เกิด Sustainability ที่แท้จริงและยั่งยืนในทุกมิติ

Run Wisdom Soft Skills Trainer, Contemplative Facilitator, and Certified Strengths Coach
Since:
Update:

Read : 140 times