ศ.ดร.โรเบิร์ต พลัทชิค (Robert Plutchik) ได้สร้างสรรค์วงล้อแห่งอารมณ์ (The Wheel of Emotions) ขึ้นมา โดยเสนอว่าอารมณ์พื้นฐาน (Basic Emotions) ประกอบด้วย 8 อารมณ์ และเป็น 4 คู่ตรงข้ามกัน ได้แก่
โดยในแต่ละอารมณ์หลัก ยังประกอบด้วยความเข้มข้น (Intensity) ทางอารมณ์ ที่ทำให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา ในสายธารเดิมของ 8 อารมณ์พื้นฐานนั่นเอง โดยเรียงความเข้มข้นทางอารมณ์จากน้อยไปมาก ได้ดังนี้
นอกจากนี้เมื่อนำอารมณ์พื้นฐานต่าง ๆ มาผสมผสานกันแล้ว ก็จะเกิดอารมณ์ใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย เช่น
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เรื่องอารมณ์ความรู้สึกจึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ทั้งในวิถีชีวิตและการงาน หากเรามีความเข้าใจที่มาของอารมณ์เชิงบวก เราก็สามารถที่จะก่อประกอบเหตุปัจจัย โดยการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์พื้นฐานเชิงบวก ซึ่งนำมาสู่บรรยากาศที่เกื้อหนุนการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน ในการประยุกต์ใช้วงล้อแห่งอารมณ์ (The Wheel of Emotions)
สร้างสรรค์ความปลาบปลื้มใจ (Delight)
เมื่อเราทราบว่า “ความเบิกบาน (Joy) + ความประหลาดใจ (Surprise) จึงเกิด ความปลาบปลื้มใจ (Delight)” หากเราต้องการให้ลูกค้าปลาบปลื้มใจ (Delight) ในสินค้าหรือบริการของเรา เราจำเป็นต้องสร้างความสุข ความเบิกบานให้เกิดขึ้นในสินค้าหรือบริการ (Joy) นอกจากนี้ สินค้าหรือบริการของเรา ยังจำเป็นต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ดีเกินคาดลูกค้าอีกด้วย (Surprise)
สร้างสรรค์ความสนใจใคร่รู้ (Curiosity)
เมื่อเราทราบว่า “ความวางใจ (Trust) + ความประหลาดใจ (Surprise) จึงเกิด ความสนใจใคร่รู้ (Curiosity)” หากเราต้องการสร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจใคร่รู้ (Curiosity) เราจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ (Trust) ให้เกิดขึ้นในห้องเรียน รวมถึงก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลัก จำเป็นต้องมีการอรัมภบท หรือ ยิงคำถามที่น่าสนใจ แบบเกินคาดเดาร่วมด้วย (Surprise)
สร้างสรรค์ความเชื่อมั่น (Fatalism)
เมื่อเราทราบว่า “ความวางใจ (Trust) + ความคาดหวัง (Anticipation) จึงเกิด ความเชื่อมั่น (Fatalism)” หากเราต้องการให้สินค้าหรือบริการของเราได้รับความเชื่อถือนิยมชมชอบ เราก็จำเป็นต้องนำเสนอความเชื่อและภาพฝันของเรา รวมถึงเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความวางใจ (Trust) ซึ่งกันและกัน ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อและภาพฝันของเรา สามารถคาดหวังอนาคตร่วมกันได้ (Anticipation) บรรยากาศแห่งความเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการ (Loyalty) ก็จะเกิดขึ้นมา
1. รับรู้อารมณ์ตามจริง
การรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นตามจริง (Name it to tame it) เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้เราโอบรับ (Embrace) ทุกอารมณ์โดยไม่กดทับ (Suppress) ในขณะเดียวกัน การฝึกรับรู้อารมณ์ตามจริง จะเกื้อกูลให้อารมณ์โดยรวม (Mood) ค่อย ๆ เกิดการปรับสัดส่วนจากความไม่พอใจสู่ความพอใจในชีวิตมากขึ้น เช่น สัดส่วนไม่พอใจ:พอใจ จากเดิม 70:30 กลายเป็น 30:70 เป็นต้น ซึ่งจะเกื้อกูลให้เกิดสุขภาวะที่ดีในชีวิตมากขึ้น (Wellbeing)
2. ฝึกสติ บ่มเพาะสมาธิ
การฝึกสติ บ่มเพาะสมาธิเกื้อกูลให้ใจเป็นกลาง ดำรงอยู่ในปัจจุบัน เป็นอิสระจากเสียงตัดสิน (Presence) การฝึกสติ บ่มเพาะสมาธิ ช่วยเพิ่มโอกาสให้เราเท่าทันสิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดอารมณ์ เปลี่ยนจากการตกเป็นเหยื่อต่ออารมณ์ มาเป็นผู้เลือกที่จะปล่อยผ่านอารมณ์ได้ (Let Go) ซึ่งไม่ได้หมายถึงการไร้อารมณ์ หรือกดทับอารมณ์ แต่คือการเป็นผู้เลือกที่จะสัมผัสถึงความมีชีวิตชีวาในปัจจุบัน
3. เปิดใจเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
แนวทางต่าง ๆ ในการพัฒนาด้านในจิตใจ ไม่ได้มีวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่สามารถใช้ได้กับทุกคน ในทุกช่วงจังหวะของชีวิต การสังเกตตนเอง การสะท้อนตนเองกับคนที่ไว้วางใจ และการเปิดใจเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยเกื้อกูลการพัฒนาด้านในจิตใจ
ขอเชิญฝึกสติ บ่มเพาะสมาธิร่วมกันผ่านแพลตฟอร์ม "อินเนอร์ คอร์เนอร์" กดที่นี่ => Presence
--- รัน ธีรัญญ์