หนังสือการบริหารจัดการส่วนใหญ่ ได้เขียนถึงผู้นำที่มีประสิทธิภาพในช่วง Peacetime แต่ในโลกแห่งความจริง บริษัทอาจกำลังต้องการผู้นำที่มีประสิทธิภาพในช่วง Wartime ด้วยเช่นกัน
.
โดยในช่วง Peacetime นั้น บริษัทสามารถมุ่งเน้นการขยายตลาด กระจายอำนาจ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ แต่ในช่วง Wartime บริษัทต้องต่อสู้กับภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างเร่งด่วน ทุกคนจึงต้องทำตามแผนอย่างเคร่งครัด และไม่มีที่ว่างสำหรับความคิดสร้างสรรค์ที่อาจต้องทอดเวลารอคอยจนไม่ทันการ
.
.
.
สื่อสารชัดว่าเกิดวิกฤติ ในเวลาที่เกิดวิกฤติ ไม่แสร้างว่าสถานการณ์เป็นปกติ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่รับได้ยาก แต่การสื่อสารชัด จะช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ นอกจากการสื่อโดยตรงจากผู้นำแล้ว การจัดเวทีให้ถาม-ตอบอย่างตรงมาตรงไป ก็ช่วยให้การสื่อสารชัดเจนมากขึ้น ในช่วง War Time "ความเป็นปกติ" หมายถึง การสื่อสารอย่างชัดเจนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสื่อสารถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะทำให้องค์กรกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้
.
.
ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปี 1980, 1990 และ 2000 พบว่ามีบริษัทมหาชนจำนวน 9% จากเกือบ 5000 บริษัท สามารถฟื้นตัวจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจและเติบโตแซงหน้าคู่แข่งอย่างน้อย 10% ทั้งยอดขายและผลกำไร นั่นเป็นเพราะบริษัทเหล่านั้นตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในการลดในสิ่งที่เป็นภาระ และคงไว้ในสิ่งที่ยังมีโอกาส
.
.
"การได้รักแล้วพลัดพรากจากกัน ดีกว่าการไม่ได้รักกันเลย" ในช่วง Peacetime ความสามารถในการคัดสรรคนเข้าองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าในช่วง Wartime นั้น ความสามารถของ HR ในการปลดคนออกเป็นเรื่องที่จำเป็น หากผู้นำตัดสินใจที่ปลดคนออก จะต้องสื่อสารให้เกิดความแน่ใจว่า พนักงานยังคงสามารถทำงานได้จนครบตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้เวลากับพนักงานได้เก็บกวาดโต๊ะทำงาน บอกลา หรือสะสางงานที่ทำอยู่หากเป็นไปได้
.
.
Sundar Pichai, CEO ของ Google กล่าวว่า "Leadership is decision making. Moving things forward." ภาวะผู้นำคือการตัดสินใจ ให้เกิดการเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ไปข้างหน้า โดยเฉพาะกับบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Google ที่มีพนักงานมากกว่า 130,000 คน หากมีการประชุมพูดคุยกันแล้วไม่มีใครตัดสินใจ จะส่งผลกระทบต่องานเป็นทอด ๆ ภาวะผู้นำจึงคือการตัดสินใจ
.
พร้อมกันนี้เขายังให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยทางใจ (Psychological Safety) เป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกคนในการประชุม เขาจะเดินไปรอบ ๆ โต๊ะประชุมและขอให้ทุกคนได้พูดจุดยืนของตัวเอง สิ่งนี้ช่วยให้ทุกคนรู้สึกว่าได้รับการรับฟังและได้มีส่วนร่วมในผลที่จะเกิดขึ้นด้วย
.
นี่คือบทสัมภาษณ์ของ Sundar Pichai ในปี 2021 ช่วงเวลาที่โลกประสบกับสถานการณ์ COVID-19 โดยผู้สัมภาษณ์ Justin Bariso ยังให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า Sundar Pichai มีความฉลาดมาก และพร้อมแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า มีบุคลิกที่สนใจใคร่รู้ เป็นผู้ฟังที่ดี อ่อนน้อมถ่อมตน สง่างาม และไม่อวดเก่ง ผิดกับสิ่งที่คาดจากภาพ CEO ที่มีอำนาจอย่างสูง
.
Sundar Pichai คือ ตัวอย่างของผู้นำที่เป็นทั้ง Wartime Leader ที่ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจที่รวดเร็ว และ Peacetime Leader ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม และการสร้างความปลอดภัยทางใจ (Psychological Safety) นี่คือเหตุปัจจัยสำคัญของการสร้างทีมที่สุดยอดใน Google
.
ในช่วง Wartime เราต่างเผชิญกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผู้นำที่มีความเด็ดขาดชัดเจน พร้อมทั้งมีความเข้าอกเข้าใจ รวมถึงการมองเห็นว่าในวิกฤตินั้นมีโอกาสอยู่เสมอ จะช่วยนำพาองค์กรข้ามพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
ไม่ว่าสถานการณ์จะท้าทายหรือเร่งด่วนเพียงใด วุฒิภาวะทางอารมณ์ หรือความสงบภายใน (Inner Peace) จะช่วยให้การตัดสินใจเฉียบคม และเป็นประโยชน์ที่สุดครับ
.
--- รัน ธีรัญญ์ #runWISDOM
.
Reference:
Bill Taylor. (2011). Are You a Peacetime CEO or a Wartime CEO ?. HBR.
Bruce Upbin. (2011). Peacetime CEO/Wartime CEO. Forbes.
Falon Fatemi. (2020). Three Characteristics Of Effective Wartime CEOs. Forbes.
Justin Bariso. (2021). The Emotional Intelligence of Google CEO Sundar Pichai. Inc.