การพัฒนาภาวะผู้นำจากด้านในจิตใจ

งานเขียนนี้ คือ บันทึกการเรียนรู้ของ ดร. ธีรัญญ์ ไพโรจน์อังสุธร ในโครงการ IDG Ambassador โดยจะเน้นเขียนถึง การพัฒนาภาวะผู้นำ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขอบเขตการปฏิบัติหลักสำหรับการพัฒนาทักษะด้านใน โดยมีความหลากหลายของวิธี และการประเมินระดับหลักฐานเชิงประจักษ์สำหรับแต่ละแนวทาง

1. ภาวะผู้นำในฐานะขอบเขตการปฏิบัติหลัก (The Core Domain)

รายงานการวิจัย IDG Phase 2 (2022) ได้ระบุขอบเขตของทฤษฎีและการปฏิบัติการพัฒนาด้านในที่หลากหลาย โดยหนึ่งในโดเมนที่ถูกระบุไว้คือ การพัฒนาภาวะผู้นำและการฝึกปฏิบัติ (Leadership development and practice)

ขอบเขตนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฝึกอบรมรายบุคคลเท่านั้น แต่รวมถึงการแทรกแซงในระดับที่กว้างขึ้นด้วย

  • การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย: ผู้นำและผู้มีอำนาจตัดสินใจมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมและกระบวนการที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพด้านใน หรือสำหรับการแสดงออกถึงทักษะด้านใน
  • การแทรกแซงระดับความสัมพันธ์หรือองค์กร: แม้ว่าการแทรกแซงเหล่านี้อาจละเอียดอ่อนกว่าการฝึกอบรมรายบุคคล แต่ก็สามารถสร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งเมื่อนำไปใช้ในวงกว้างได้ ตัวอย่างเช่น การใช้ ‘เช็คอิน’ (check-ins) ในการเริ่มต้นการประชุม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนคุณภาพด้านใน เช่น ความไว้วางใจ (trust) และการดำรงอยู่ในปัจจุบัน (presence)

2. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำตามหลักฐานเชิงประจักษ์

วิธีการพัฒนาทักษะด้านในที่มีการนำไปใช้หรือมีการศึกษาในบริบทของภาวะผู้นำนั้น มีความแตกต่างกันอย่างมากตามระดับของหลักฐานทางวิชาการ (Academic Evidence Base) ซึ่งถูกจัดแบ่งเป็น 5 หมวดหมู่ ณ ที่นี้ จะขอกล่าวถึงพอสังเขป

A. หลักฐานแข็งแกร่งที่สุด (Strongest Evidence)

วิธีการเหล่านี้มักมีพื้นฐานมาจากการประยุกต์ใช้ทางคลินิกมาก่อน แล้วจึงถูกปรับใช้ในสถานที่ทำงานและบริบทภาวะผู้นำ

  • Dialectical Behavior Therapy (DBT): เป็นวิธีการที่เน้นการมีสติ (mindfulness-informed intervention) ซึ่งมีการสนับสนุนเชิงประจักษ์ที่แข็งแกร่งสำหรับการประยุกต์ใช้ในการบำบัดรักษา อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้ในกลุ่มประชากรที่มีสุขภาพดี เช่น การฝึกอบรมในสถานที่ทำงานและภาวะผู้นำ (workplace & leadership training) ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น (nascent) และต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสร้างประสิทธิภาพในบริบทที่ไม่ใช่ทางคลินิก
  • Acceptance and Commitment Therapy (ACT): มีหลักฐานที่สนับสนุนประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ รวมถึง ความเป็นอยู่ที่ดีในสถานที่ทำงาน (workplace wellbeing) และการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางจิตวิทยา (psychological flexibility) ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับผู้นำ

B. หลักฐานปานกลาง (Moderate Evidence)

วิธีการที่มีการวิจัยที่แข็งแกร่งและมีการนำไปใช้ในบริบทภาวะผู้นำอย่างชัดเจน

  • Metacognitive Therapy (MCT): แม้เดิมพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขความทุกข์ทางอารมณ์ แต่ปัจจุบันมีการนำไปใช้ในการ โค้ชชิ่ง (coaching), ภาวะผู้นำ (leadership), การศึกษา และการเติบโตส่วนบุคคล
  • Personal Agency Training (PAT) / Guided Self-Change (GSC): PAT เป็นหมวดหมู่การแทรกแซงที่กว้างขวาง โดยมี Personal Initiative Training (PIT) ซึ่งมีแอปพลิเคชันหลักในการเป็นผู้ประกอบการและภาวะผู้นำ (entrepreneurial & leadership applications) วิธีการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่นำโดยตนเองและมีทัศนคติเชิงรุก
  • Compassion-Focused Therapy (CFT): การประยุกต์ใช้นอกเหนือจากสถานการณ์ทางคลินิก เช่น ภาวะผู้นำ (leadership) และการศึกษา กำลังเริ่มปรากฏ (emerging) แต่ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม
  • Self-Compassion Training (SCT): แม้จะได้รับการสนับสนุนอย่างดีในบริบทสุขภาพจิต แต่การประยุกต์ใช้ในด้านประสิทธิภาพและ การพัฒนาภาวะผู้นำ (leadership development) ยังคงมีการสำรวจน้อย (under-explored)

C. หลักฐานที่กำลังเกิดใหม่ (Emerging Evidence)

วิธีการที่มักได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยเชิงประยุกต์ แต่ขาดการทดลอง RCTs* ขนาดใหญ่ (*RCTs ย่อมาจาก Randomised Controlled Trials แปลว่า การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม ในบริบทของการประเมินหลักฐานเชิงประจักษ์สำหรับวิธีการพัฒนาทักษะภายใน (Inner Skills) RCTs ถือเป็นรูปแบบการวิจัยที่มีคุณภาพสูงและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพิจารณาความน่าเชื่อถือ)

  • Emotional Intelligence (EI) Training: การฝึกอบรม EI มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการตระหนักรู้ในตนเอง, การควบคุมอารมณ์, และทักษะทางสังคม การศึกษาแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในด้าน ประสิทธิภาพในสถานที่ทำงาน, ภาวะผู้นำ, และประสิทธิภาพระหว่างบุคคล (workplace performance, leadership, and interpersonal effectiveness) นี่คือหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง => หลักสูตร ผู้นำความฉลาดทางอารมณ์ (EQ Leader)
  • Nature-Based Interventions: งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงที่อิงกับธรรมชาติให้หลักฐานสนับสนุนว่าประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติสามารถส่งเสริมการเติบโตส่วนบุคคลและถูกนำไปใช้เพื่อ การพัฒนาภาวะผู้นำ (leadership development)

D. หลักฐานจำกัด (Limited Empirical Research)

วิธีการเหล่านี้มีการวิจัยเชิงคุณภาพหรือกรณีศึกษา แต่ยังขาดการทดลองที่เป็นระบบขนาดใหญ่

  • Immunity to Change (ITC): แนวทางนี้ถูกใช้ใน ภาวะผู้นำ (leadership) และการศึกษา เพื่อช่วยบุคคลเอาชนะการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง โดยระบุพันธกรณีที่ซ่อนอยู่ นี่คืองานเขียนที่เกี่ยวข้อง => เพราะอะไรเราจึงทำสิ่งที่ขัดแย้งกับเป้าหมาย (Immunity to Change)
  • Dialectical Thought Form Framework (DTF): แนวทางนี้ถูกนำไปใช้ในวงกว้างใน การพัฒนาภาวะผู้นำ (leadership development), การโค้ชชิ่ง, และกลยุทธ์องค์กร (organisational strategy) โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มความคิดที่ซับซ้อนและการรับรู้ระบบ
  • Theory U: เป็นกรอบการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่เน้นการนำจากอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น Theory U ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายภาคส่วน รวมถึง ธุรกิจ (business), การศึกษา และสุขภาพ นี่คืองานเขียนที่เกี่ยวข้อง => บันทึกการเรียนรู้ Thory-U for Global Transformation และนี่คือวีดีโอที่เกี่ยวข้อง => การถ่อมตนและภาวะผู้นำ ส่วนหนึ่งใน Inner Development Guide

E. หลักฐานน้อยหรือไม่มีเลย (Little or None)

ข้อมูลในส่วนนี้ ผมจะขออนุญาต ยังไม่เขียนถึงในงานเขียนนี้

3. เกณฑ์การพิจารณาสำหรับภาวะผู้นำ

วิธีการทั้งหมดที่แนะนำโดย IDG สำหรับการพัฒนาทักษะด้านใน รวมถึงวิธีการที่ใช้ในการพัฒนาภาวะผู้นำ จะถูกประเมินตามเกณฑ์ 4 ข้อที่ใช้ในรายงาน IDG Phase 2 (2022)

  1. การสนับสนุนเชิงประจักษ์ (Empirical Support): มีการประเมินเพื่อตรวจสอบว่าวิธีนั้นบรรลุผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่
  2. ทฤษฎีพื้นฐาน (Underlying Theory): มีรากฐานทางทฤษฎีที่อธิบายว่าเหตุใดและอย่างไรจึงช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาด้านใน
  3. ความเชื่อมโยงกับ IDGs และ SDGs: มีความเกี่ยวข้องกับ Inner Development Guide และศักยภาพในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำที่ต้องขับเคลื่อนวาระความยั่งยืน
  4. ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice): ควรมีชุมชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งช่วยส่งเสริมวุฒิภาวะและความน่าเชื่อถือของวิธีการ

ข้อควรระวัง: แม้ว่าหลักฐานเชิงประจักษ์สำหรับการพัฒนาด้านในกำลังมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่การวิจัยที่เชื่อมโยงโดยตรงกับการพัฒนาด้านในกับความยั่งยืนและผลลัพธ์ทางสังคมอื่น ๆ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้น แม้ว่าการแทรกแซงจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาภาวะผู้นำ เรายังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าวิธีเหล่านั้นจะมีผลตามที่เราคาดหวังในทุกระดับและทุกบริบท (เช่น ผลกระทบต่อทัศนคติและพฤติกรรมที่ยั่งยืน)


การเปรียบเทียบ: การทำความเข้าใจการพัฒนาภาวะผู้นำในบริบทของ IDG เปรียบเสมือนการสร้างแผนที่เพื่อนำทางองค์กรไปสู่ความยั่งยืน: ภาวะผู้นำคือยานพาหนะ และวิธีการพัฒนาทักษะด้านใน (เช่น CBT, Theory U, EI Training) คือ เครื่องมือหลากหลายชนิด ผู้นำที่ชาญฉลาดจะเลือกใช้เครื่องมือที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุด (รถที่ผ่านการทดสอบ) ในขณะที่ก็ยังเปิดรับเครื่องมือใหม่ ๆ ที่กำลังพัฒนา (รถต้นแบบ) ตราบใดที่พวกเขามั่นใจว่าเครื่องมือเหล่านั้นมีศักยภาพในการนำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนที่ใหญ่ขึ้น (SDGs)

งานเขียนที่เกี่ยวข้อง

หลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

Run Wisdom Soft Skills Trainer, Contemplative Facilitator, and Certified Strengths Coach
Since:
Update:

Read : 24 times