การเชื่อมโยงระหว่างวัย ผ่านการเดินทางด้านใน

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ผมได้เข้าร่วมเรียนรู้ใน IDG Community Dialogues นำกระบวนการครั้งนี้โดยทีม Ankyra ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก Talk ของ Violeta-Lacroze  ผู้นำเยาวชนคนหนึ่งในทีม Ankyra ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดช่วงหนึ่งจากงาน IDG Summit 2025 เธอได้กล่าวไว้ว่า "วันนี้ คนรุ่นใหม่ ไม่ได้ต้องการถูกแก้ไข แต่ต้องการให้เชื่อใจ ได้รับการมองเห็น ได้รับการโอบรับ และได้รับความรัก" (Today, young generations don't need to be fixed. We need to be trusted to be seen, held, and loved.)

ทีม Ankira คือการเคลื่อนไหวที่ริเริ่มโดยคนหนุ่มสาวจากประเทศอาร์เจนตินา เพื่อสร้าง พื้นที่ปลอดภัย ให้ทุกวัยได้ถอดบทบาทของความเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกกำหนดโดยสังคมแห่งประสิทธิภาพออกไป และกลับไปเชื่อมต่อกับความเป็นมนุษย์ที่อยากรู้อยากเห็นและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความหวังและการเชื่อมโยงที่ยั่งยืนระหว่างวัย

งานเขียนนี้ ผมจะอธิบายความหมายของ ความเป็นผู้ใหญ่เกินไป (Adultization) ก่อนว่าคือ อะไร ก่อนที่เราไปสู่กระบวนการลดความเป็นผู้ใหญ่ และกระบวนการเชื่อมโยงระหว่างวัยกัน แต่อย่างไรก็ตามในการทำกระบวนการจริง Facilitator อาจจะนำพาผู้เข้าร่วมเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ด้านในก่อน แล้วจึงอธิบายความหมายของแนวคิดต่าง ๆ ในภายหลัง ทั้งนี้เพื่อให้จิตใจของผู้เข้าร่วมมีความโล่งเบา ไร้ความสงสัย หรือความครุ่นคิดมากมายเกินไป ในระหว่างการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์

ความเป็นผู้ใหญ่เกินไป (Adultization)

ความเป็นผู้ใหญ่เกินไป เป็นแนวคิดที่ครอบงำโลกปัจจุบัน ซึ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาของมนุษย์และความเชื่อมโยงภายใน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
  • ความครอบงำด้วยประสิทธิภาพและความเร่งรีบ โลกที่เราอาศัยอยู่ได้ "ทำให้ทุกสิ่งเป็นผู้ใหญ่เกินไป" (adultized everything) โดยขับเคลื่อนด้วยตรรกะที่เปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นอุตสาหกรรม ซึ่งวัดค่าของชีวิตด้วย ประสิทธิภาพ ความสำเร็จ และความเร็ว ทุกสิ่งต้องเกิดผลผลิต (productive) ถูกปรับให้เหมาะสม (optimized) และรวดเร็ว
  • การสูญเสียตัวตนและความเป็นเด็ก วัยเด็กได้กลายเป็นการแสดง (performance) ไปแล้ว เช่น เด็กผู้หญิงทำกิจวัตรการดูแลผิวของผู้ใหญ่ เพราะพวกเขาได้เรียนรู้ว่าต้อง "ไร้ที่ติ" จึงจะได้รับความรัก การเรียนรู้ถูกลดเหลือเพียงเกรดและผลลัพธ์ และคนหนุ่มสาวรู้สึกเหนื่อยล้าจากแรงกดดันที่จะต้องทำตัวให้เกิดผลผลิต แม้กระทั่งก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าตนเองเป็นใคร
  • การถ่ายทอดความเหนื่อยล้า ผู้ใหญ่เองก็ลืมวิธีการเล่น การตั้งคำถาม หรือการล้มเหลว และสอนคนรุ่นต่อไปว่า "ความเหนื่อยล้าคือวิสัยทัศน์ของชีวิต"
  • แรงกดดันในการควบคุมและความแน่นอน Adultization คือ "แรงกดดันที่จะต้องดูเหมือนพร้อม ควบคุมได้ หรือแน่นอนอยู่เสมอ" ในการไล่ล่าการควบคุมอย่างต่อเนื่อง ผู้ใหญ่ได้ปิดกั้นส่วนที่ขี้เล่น อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็นของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนที่แท้จริงที่รู้วิธีการเชื่อมโยง ความสงสัย และความรัก
  • ประสบการณ์ของคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาวรู้สึกถึงแรงกดดันที่จะต้องเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม มืออาชีพที่สมบูรณ์แบบ เป็นนักกิจกรรมที่ดี และแข็งแกร่งพอที่จะอยู่รอด พวกเขาถูกบอกให้ "เคลื่อนที่เร็วขึ้น คิดทุกอย่างให้ได้ เตรียมพร้อมสำหรับกำหนดเวลาที่เร่งรัด ความเร็ว ป้ายกำกับ"

กระบวนการจินตภาพถึงการเดินทางด้านใน  

การนำสมาธิแบบใช้จินตภาพเสมือนการเดินทางด้านในเพื่อเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกัน อาจแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ลดความเป็นผู้ใหญ่ (De-Adultizing) และเชื่อมโยงระหว่างวัย (Generational Connection)

1. การลดความเป็นผู้ใหญ่ (De-Adultizing)

การทำสมาธิที่จัดขึ้นในช่วงแรก Facilitator เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วม "เปิดประตูภายในของจิตวิญญาณ" โดยเริ่มต้นจากการค้นหาตำแหน่งที่สบาย ผ่อนคลายร่างกาย และเดินทางด้วยจินตนาการไปยังสถานที่ที่รักและรู้สึกปลอดภัย การเดินทางนี้เป็นหัวใจสำคัญของการลดความเป็นผู้ใหญ่

  • การเชื่อมต่อกับตัวตนภายในที่เป็นเด็ก (Inner Child) จุดมุ่งหมายหลักของการเดินทางคือการพบกับตัวตนที่อ่อนเยาว์กว่าของคุณ ซึ่งอาจมีอายุ 8 หรือ 10 ปี ตัวตนที่เป็นเด็กคนนี้คือคนที่เคย ฝันได้อย่างอิสระ หัวเราะเสียงดัง และร้องไห้ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงเคยมองโลกด้วยสายตาที่เปิดกว้าง Facilitator เชิญชวนให้ผู้ใหญ่สังเกตดวงตาของเด็กคนนั้น ซึ่งเต็มไปด้วยทั้งความมหัศจรรย์ (wonder) และความโศกเศร้า (sorrow)
  • การเยียวยาและความเป็นองค์รวม (Healing and Wholeness) ในการพบปะนี้ ผู้เข้าร่วมสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกภายใน โดยการกล่าวคำว่า "ฉันขอโทษ" สำหรับช่วงเวลาที่ลืมเด็กคนนี้ไป เช่น การทำให้เสียงหัวเราะเงียบลงเพื่อให้ดูเป็นผู้ใหญ่ (mature), การเลือกประสิทธิภาพ (efficient) แทนที่จะมีชีวิตชีวา (alive), และการละเลยความต้องการพักผ่อนหรือการเล่น การกอดกันระหว่างตัวตนที่เป็นผู้ใหญ่กับตัวตนที่เป็นเด็กในที่สุดทำให้รู้สึกว่า "ผู้ใหญ่และเด็กภายในได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง"
  • การฟื้นคืนคุณสมบัติที่ถูกละเลย หลังจากจบการทำสมาธิ ผู้เข้าร่วมจะถูกเชิญให้เขียนประโยคสองประโยค: หนึ่งบาดแผลที่พร้อมจะปล่อยวาง และ หนึ่งคุณสมบัติจากเด็กภายในที่ต้องการจะรักษาไว้. คุณสมบัติที่ผู้เข้าร่วมต้องการรักษาไว้มักเกี่ยวข้องกับความร่าเริง (joyful), ความมีชีวิตชีวา (vivacity), และความอยากรู้อยากเห็น (curiosity) ซึ่งเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับตรรกะของ "การทำให้เป็นผู้ใหญ่" (adultization) ที่เน้นความมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จ และการควบคุม
  • การรับรู้ถึงพลังของความเงียบ การทำสมาธิยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมตระหนักถึง พลังอันยิ่งใหญ่ของการมีพื้นที่แห่งความเงียบ ซึ่งตรงข้ามกับแรงกดดันทางสังคมที่ต้องเติมเต็มพื้นที่ด้วยสิ่งที่มีมูลค่าหรือมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

2. การเชื่อมโยงระหว่างวัย (Generational Connection)

การทำสมาธิได้ขยายขอบเขตออกไปนอกเหนือจากการเยียวยาตนเองในปัจจุบัน แต่เป็นการเชื่อมโยงตัวตนในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งถือเป็น "สายใยที่เชื่อมโยงระหว่างวัย"

  • การพบกับเด็กจากอนาคต (Future Child) ผู้เข้าร่วมถูกเชิญให้พบกับบุคคลที่ไม่รู้จักในตอนแรก แต่ในที่สุดก็รู้ว่าเป็น "ใครบางคนจากอนาคตของคุณ" อาจเป็นหลานหรือญาติที่ยังไม่เกิด เด็กคนนี้เป็น "คนที่นำพาความทรงจำของคุณไปข้างหน้า" และต้องการพบกับรากเหง้า (roots) ที่ทำให้พวกเขาเกิดขึ้นมาได้
  • อดีต ปัจจุบัน อนาคต พบกันในตัวคุณ เมื่อคุณจับมือกับเด็กจากอนาคต คุณจะรู้สึกว่า "เวลาได้รวบรวมอนาคตและอดีตไว้ภายในตัวคุณ" ในการทำสมาธิปิดท้าย เน้นย้ำว่า อดีตและอนาคตไม่ได้แยกจากกัน แต่มาพบกันในตัวคุณ
  • การเยียวยาข้ามช่วงวัย การตระหนักรู้จากการทำสมาธิคือการเลือกที่จะเยียวยาตัวเองนั้น ไม่ได้เป็นการเยียวยาแค่ตนเองเท่านั้น แต่เป็นการเยียวยา "สายใยที่เชื่อมโยงรุ่นต่อรุ่น" ตัวตนที่เป็นเด็กในอดีตและเด็กจากอนาคตต่างก็มองหน้ากันและกัน และสุดท้ายทั้งสองก็เดินจับมือไปด้วยกัน โดยตระหนักว่าทั้งสองยังคงอยู่ในตัวคุณ ให้คุณคงไว้ซึ่งความอ่อนโยน ความอยากรู้อยากเห็น และการมีชีวิตชีวา
  • ความฝันสำหรับอนาคต ในตอนท้าย ผู้เข้าร่วมถูกเชิญให้เขียน "ความฝันสำหรับคนรุ่นหลัง" ลงในช่องแชท สะท้อนให้เห็นว่าประสบการณ์ภายในที่ได้รับนั้นถูกเปลี่ยนเป็นความปรารถนาในการดูแลและสนับสนุนอนาคต

แก่นสาระที่อยู่ในกระบวนการนี้

  • หลุดพ้นจากตรรกะของการควบคุมและความสำเร็จ ลดความเป็นผู้ใหญ่หมายถึงการปลดปล่อยตนเองจากความคิดที่ว่าการเติบโตคือประสิทธิภาพ ความแข็งกระด้าง ความสำเร็จ และการควบคุม
  • การฟื้นฟูวัฏจักรของชีวิต หมายถึงการกู้คืนเด็กภายในในฐานะ แหล่งที่มาของปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ และการรำลึกว่าการพัฒนาภายในไม่ได้เป็นเส้นตรง (linear) แต่เป็นวัฏจักร (cyclical) และเป็นเชิงความสัมพันธ์ (relational)
  • การสร้างพื้นที่และเวลา การลดความเป็นผู้ใหญ่ทำให้เราตระหนักว่าคนรุ่นใหม่ ไม่จำเป็นต้องถูกแก้ไข (fixed) แต่ต้องการ พื้นที่และเวลา (Space and Time) โดยพื้นที่ (Space) คือ สภาพแวดล้อมที่อนุญาตให้ ชีวิตได้เผยออกมา (unfold) ที่ซึ่งเสียงของทุกคนได้รับ ความเคารพและไว้วางใจ และเวลา (Time) คือ สิ่งที่อนุญาตให้เกิด ความผิดพลาด, ความไม่แน่นอน, การพักผ่อน, และการสำรวจ เพื่อให้เราได้ค้นหาจังหวะของตนเอง และ ความไว้วางใจจะกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวัย (trust becomes the bridge between generations) 

ดังนั้น กระบวนการนี้ จึงเป็นวิธีการปฏิบัติที่ชัดเจนในการบรรลุเป้าหมายของการลดความเป็นผู้ใหญ่และการเชื่อมโยงระหว่างวัย โดยการสร้างพื้นที่ (space) และเวลา (time) สำหรับการพบปะ พูดคุย และเยียวยาตัวตนภายในในทุกช่วงวัย


อุปมาอุปมัย การทำสมาธินี้ทำหน้าที่เหมือนกับการเปิด "ประตูเวลา" ภายใน (a time portal) ซึ่งไม่ได้พาเราไปสู่อดีตหรืออนาคตจริง ๆ แต่ทำให้เราเห็นว่า อดีตและอนาคตนั้นได้ถักทอเข้าด้วยกันอยู่แล้วในตัวเราปัจจุบัน การที่เราเลือกที่จะเยียวยาเด็กภายใน ก็เหมือนการรดน้ำให้ราก และเป็นการส่งต่ออาหารบำรุงให้กับต้นไม้แห่งอนาคต โดยไม่ต้องพยายามบังคับให้ดอกไม้บานเร็วเกินไป


ความประทับใจของผมต่อน้อง ๆ ทีม Ankira คือ การทำงานร่วมกันเป็นทีม และการมีความเข้าใจในเรื่อง พื้นที่ปลอดภัย อย่างดี เช่น เมื่อผู้เข้าร่วมคนหนึ่ง ได้แบ่งปันเรื่องราวที่เปราะบางเกี่ยวกับการเป็นเด็กที่หวาดกลัว Violeta ได้กล่าวขอบคุณสำหรับการแบ่งปันที่ "เปราะบางมาก" การแสดงท่าทียอมรับความรู้สึกนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกได้รับการมองเห็นและปลอดภัย และหลังจากช่วงแบ่งกลุ่มย่อยรอบที่สองสิ้นสุดลง Violeta เชื้อเชิญให้ทุกคน หายใจเข้าพร้อมกัน และให้เวลาใคร่ครวญ นอกจากนี้ Violeta ย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มนั้น "เป็นบางสิ่งที่ละเอียดอ่อนที่คลี่คลายออกมา" (something subtle unfolded) ซึ่ง "อาจไม่มีคำพูดสำหรับมัน และนั่นก็ไม่เป็นไรอย่างยิ่ง" (You may not have words for it. And that's perfectly fine) การยอมรับว่าความรู้สึกบางอย่างไม่จำเป็นต้องถูกอธิบายหรือมีเหตุผล ทำให้เกิดพื้นที่แห่งความผ่อนคลายภายใน

Run Wisdom Soft Skills Trainer, Contemplative Facilitator, and Certified Strengths Coach
Since:
Update:

Read : 146 times