Scan here!
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร ใช้วิเคราะห์ความสามารถทางด้านไหนของการบริหารการจัดการ
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (เช่น ROI, ROE) เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยตอบคำถามสำคัญ เช่น
การลงทุนคุ้มค่าหรือไม่: บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากน้อยเพียงใด
การบริหารจัดการต้นทุน: บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรได้อย่างไร
ประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์: บริษัทสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้หรือไม่
ความสามารถในการทำกำไร: บริษัทมีศักยภาพในการสร้างกำไรในระยะยาวได้มากน้อยเพียงใด
โดยทั่วไป อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรจะช่วยวิเคราะห์ในด้านต่อไปนี้:
ความสามารถในการสร้างรายได้: บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร
ความสามารถในการควบคุมต้นทุน: บริษัทสามารถลดต้นทุนได้อย่างไร
ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์: บริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
ความสามารถในการบริหารหนี้สิน: บริษัทสามารถบริหารหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
ตัวอย่างอัตราส่วนที่ใช้ในการวิเคราะห์:
ROI (Return on Investment): อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน
ROE (Return on Equity): อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ
Gross Profit Margin: อัตรากำไรขั้นต้น
Net Profit Margin: อัตรากำไรสุทธิ
Asset Turnover: อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์
การวิเคราะห์อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร ช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนสามารถประเมินศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทได้อย่างรอบด้าน และนำข้อมูลที่ได้ไปปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
1 ความสามารถในการบริหารรายได้และต้นทุน วิเคราะห์ตัวชี้วัดแล้วก็อัตรากำไรขั้นต้น
2 ความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพผลตอบแทนต่อทรัพย์สิน
3 ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพื่อสร้างกำไร
4ความสามารถในการแข่งขันและการสร้างมูลค่า เพื่อรักษาหรือเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
วิเคราะห์ความสามารถทั้ง 4 ด้านขององค์กร
- อัตรากำไรขั้นต้น อัตรานี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของกิจการ และมีการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ดี
- อัตรากำไรสุทธิ อัตรานี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะแสดงถึงความสามารถในการทำกำไร และควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆในธุรกิจได้ดี
- .อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ROA ควรมีค่าสูง เพราะ แสดงว่าธุรกิจสามารถให้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวมสูง และใช้สินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัตราผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ ROE ควรมีค่าสูง เพราะ แสดงว่ากิจการสามารถให้ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นสูง ผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง
ความสามารถในการทำกำไร ใช้พิจารณาผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ
ความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิต
ความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย
ความสามารถในการใช้สินทรัพย์
1.อัตรากำไรขั้นต้น
เป็นการวัดอัตราส่วนเปรียบเทียบผลกำไรขั้นต้นกับยอดขาย ทำให้สามารถประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกิจการ
2.อัตรากำไรสุทธิ
เป็นการวัดอัตราส่วนเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิกับยอดขาย ทำให้ทราบถึงความสามารถในการทำกำไรสุทธิของกิจการภายหลังจากการหักค่าใช้จ่ายทุกรายการแล้ว
3.อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์
เป็นอัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไรเทียบกับสินทรัพย์รวมว่า ก่อให้เกิดผลตอบแทนกลับคืนมามากน้อยเพียงใด
4.อัตราผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ
เป็นอัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไรเทียบกับส่วนของเจ้าของ ซึ่งเป็นการประเมินค่าอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นในฐานะของเจ้าของกิจการจะได้รับ
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (เช่น ROI, ROE) เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยตอบคำถามสำคัญ เช่น
การลงทุนคุ้มค่าหรือไม่: บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากน้อยเพียงใด
การบริหารจัดการต้นทุน: บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรได้อย่างไร
ประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์: บริษัทสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้หรือไม่
ความสามารถในการทำกำไร: บริษัทมีศักยภาพในการสร้างกำไรในระยะยาวได้มากน้อยเพียงใด
โดยทั่วไป อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรจะช่วยวิเคราะห์ในด้านต่อไปนี้:
ความสามารถในการสร้างรายได้: บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร
ความสามารถในการควบคุมต้นทุน: บริษัทสามารถลดต้นทุนได้อย่างไร
ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์: บริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
ความสามารถในการบริหารหนี้สิน: บริษัทสามารถบริหารหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
ตัวอย่างอัตราส่วนที่ใช้ในการวิเคราะห์:
ROI (Return on Investment): อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน
ROE (Return on Equity): อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ
Gross Profit Margin: อัตรากำไรขั้นต้น
Net Profit Margin: อัตรากำไรสุทธิ
Asset Turnover: อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์
การวิเคราะห์อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร ช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนสามารถประเมินศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทได้อย่างรอบด้าน และนำข้อมูลที่ได้ไปปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร ใช้วิเคราะห์ ความสามารถในการสร้างผลกำไร ของธุรกิจ ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรและต้นทุนขององค์กร โดยเน้นการวัดจากธุรกิจ สามารถสร้างรายได้และกำไรได้มากน้อยเพียงใด อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของกิจการประเมิน ผลการดำเนินงาน ขององค์กร รวมถึงช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการลงทุน การบริหารค่าใช้จ่ายต่างๆ
1.ความสามารถการลงทุน 2.ความสามารถในการขยายกิจการ 3.สภาพคล่องของกิจการ 4.น่าลงทุนหรือไม่
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรใช้วิเคราะห์ความสามารถในการบริหารจัดการที่ครอบคลุมทุกด้านขององค์กร ทั้งด้านการควบคุมต้นทุน การตั้งราคาสินค้า การใช้สินทรัพย์ และการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น เพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโดยรวม
ต้นทุนและรายได้ ว่าเราสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีมั้ย และบริษัทใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพหรือป่าว ช่วยให้เข้าใจภาพรวมและ ประสิทธิภาพขององค์กร
การวิเคราะอัตราส่วนมีคสามสามารถในการทำกำไรช่วยประเมินความสำเร็จของการบริหารจัดการในด้านการสร้างผลกำไร และช่วยให้ผู้บริหาร และนักลงทุนเข้าใจถึง ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนทางธุรกิจ
1.ความสามารถในการทำกำไร
2.บอกถึงโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการทำธุรกิจ
3.บอกถึงประสิทธิภาพในการจัดการของบริษัท ที่จะทำกำไรได้สูง
4.ความถึงความสามารถในการหารายได้ / การควบคุมต้นทุน
1.ความสามารถในการควบคุมต้นทุน
2.การบริหารรายได้ ประเมินว่าสามารถสร้างรายได้จากการดำเนินงานได้มากน้อยหรือไม่
3.การใช้สินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ
4.การบริหารทุน ว่ามีประสิทธิภาพในการใช้ทุนเพื่อสร้างกำไร
5.การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
1.ด้านผลตอบแทนจากที่ต่างๆเช่นกำไรจากการดำเนินงาน 2.ผลตอบแทนของสินทรัพย์รวม 3การสร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นและการชำระหนี้สิน
1. การวัดประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
2. การวัดผลตอบแทนจากทรัพยากรที่ลงทุน
3. การประเมินความสามารถในการแข่งขัน
4. การวิเคราะห์ความยั่งยืนของธุรกิจ
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรใช้วิเคราะห์ ประสิทธิภาพ ของการจัดการในด้านต่าง ๆ ดังนี้:
การควบคุมต้นทุน และการเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน
การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สินทรัพย์และทุน
การเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขัน กับคู่แข่ง
การประเมินการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจ
บอกว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้มากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับรายได้หรือสินทรัพย์ที่มีช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของบริษัท และประเมินได้ว่าบริษัทกำลังดำเนินงานไปในทิศทางที่ถูกต้อง
สามารถใช้วิเคราะห์ยอดขายของบริษัท ว่ามีทิศทางที่ดีขึ้นหรือ ลดลง โดยสามารถแบ่งเป็นด้านต้นทุน ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ลดลงหรือ มากขึ้น หรือ ด้านยอดขายที่เติบโตจากการบริหาร ทำให้สามารถปรับรูปแบบการบริหารเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและ ผลักดันธุรกิจให้อยู่บนความเสี่ยงที่น้อยลงได้
อัตราส่วนที่ใช้วัดผลของการดำเนินงานของกิจการว่า มีประสิทธิภาพมากน้อยเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจคือการทำกำไร
1.ความสามารถในการสร้างกำไรจากยอดขาย (Profit Margin)
2.ความสามารถในการบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทน (Return on Assets - ROA)
3.ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น (Return on Equity - ROE)
4.ความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin)
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรเป็นเครื่องมือที่ใช้วัด ความสำเร็จทางการเงินและการบริหารจัดการโดยรวม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การวางแผนต้นทุน การตั้งราคา หรือการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในอนาคต
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน
อัตรากำไรสุทธิ
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์
อัตราผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ
1. ความสามารถในการทำกำไรจากยอดขาย (Profit Margin)
ชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ โดยวัดผลกำไรที่ได้จากยอดขายทั้งหมด เช่น
อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)
2. ความสามารถในการใช้สินทรัพย์เพื่อสร้างกำไร (Return on Assets - ROA)
ใช้ประเมินว่าบริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิผลได้มากน้อยเพียงใดในการสร้างผลกำไร
3. ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุน (Return on Equity - ROE)
วิเคราะห์ว่าบริษัทมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นจากเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
4. ความสามารถในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย (Operating Efficiency)
ประเมินว่าบริษัทจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่าย และทรัพยากรอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มกำไรหรือไม่
ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพในการทำกำไรของบริษัทและสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำที่สุด
1.การบริหารรายได้และค่าใช้จ่าย
2.การใช้ทรัพยากรณ์ในการสร้างผลกำไรว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
คือ อัตราส่วนที่ใช้วัดผลของการดำเนินงานของกิจการว่า มีประสิทธิภาพมากน้อยเท่าไหร่ เพื่อให้เกิดกำไรแก่ธุรกิจสูงสุด
ประกอบด้วย
1.อัตรากำไรขั้นต้น
2.อัตรากำไรสุทธิ
3.อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์
4.อัตราผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ
การขายสินค้า และการบริหารสินทรัพย์ เพื่อให้ทราบถึงกำไรสุทที่จะได้รับ
ใช้วิเคราะห์ในด้าน
1. ควบคุมต้นทุน - วัดประสิทธิภาพการลดต้นทุนและเพิ่มกำไร
2. ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า - ประเมินการใช้ทรัพย์สินให้เกิดผลตอบแทน
3. สร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น - วัดกำไรที่เกิดจากเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น
4. แข่งขันในตลาด - เปรียบเทียบความสามารถในการสร้างกำไรกับคู่แข่ง
5. ยั่งยืนระยะยาว - ประเมินศักยภาพในการสร้างกำไรต่อเนื่องในอนาคต
ในการวิเคราะห์ ความสามารถในการทำกำไร ของบริษัทหรือองค์กร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่บ่งชี้ว่า บริษัทสามารถทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหนจากรายได้หรือทรัพยากรที่มีอยู่ โดยอัตราส่วนเหล่านี้ช่วยให้ผู้บริหาร นักลงทุน หรือผู้สนใจสามารถประเมินได้ว่า บริษัทนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรในการสร้างกำไรหรือไม่
ตัวอย่างของอัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร ได้แก่:
อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) – เปรียบเทียบกำไรสุทธิที่ได้จากการดำเนินธุรกิจกับรายได้ทั้งหมด
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) – วิเคราะห์กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Assets, ROA) – เปรียบเทียบกำไรสุทธิของบริษัทกับสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี เพื่อดูว่าบริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ได้มีประสิทธิภาพเพียงใด
อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity, ROE) – เปรียบเทียบกำไรสุทธิของบริษัทกับส่วนของผู้ถือหุ้นเพื่อดูว่าผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหนจากการลงทุน
1. วิเคราะห์ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ช่วยประเมินว่าการดำเนินงานของธุรกิจสามารถสร้างรายได้และกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด
ตัวชี้วัดสำคัญ:
Gross Profit Margin: บ่งบอกว่าธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนการขายได้ดีเพียงใด
Operating Profit Margin: แสดงถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน
2. วิเคราะห์ความสามารถในการใช้สินทรัพย์
แสดงให้เห็นว่าธุรกิจสามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อสร้างกำไรได้มากน้อยเพียงใด
ตัวชี้วัดสำคัญ:
Return on Assets (ROA): บ่งบอกถึงความสามารถในการใช้สินทรัพย์ทั้งหมดเพื่อสร้างผลกำไร
3. วิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนของเจ้าของกิจการ
ช่วยให้ผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนเข้าใจว่าการลงทุนในธุรกิจนี้สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่
ตัวชี้วัดสำคัญ:
Return on Equity (ROE): แสดงถึงผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการลงทุนในธุรกิจ
4. วิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขัน
แสดงถึงความสามารถของธุรกิจในการแข่งขันด้านราคาและคุณภาพของสินค้า/บริการ
ตัวชี้วัดสำคัญ:
Net Profit Margin: ชี้ให้เห็นว่าหลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกประเภทแล้ว ธุรกิจมีกำไรสุทธิจากรายได้เท่าใด
5. ช่วยประเมินแผนกลยุทธ์
ใช้ประเมินว่านโยบายหรือกลยุทธ์ที่นำมาใช้ เช่น การเพิ่มยอดขายหรือการลดต้นทุน มีผลต่อกำไรอย่างไร
ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง:
การเปรียบเทียบอัตรากำไรในช่วงเวลาต่าง ๆ (Trend Analysis)
ความสามารถในการสร้างผลกำไรจากรายได้ / การใช้ทรัพยากรให้เกิดผลกำไร / ศักยภาพในการเติบโตของบริษัท
1. ความสามารถในการสร้างรายได้
2. ความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน
3. ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์
4. ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
5. ความสามารถในการทำกำไรสุทธิ
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ช่วยให้การวิเคราะห์ความสามารถในด้านการบริหารจัดการมีความแม่นยำ การวางแผนต่างๆ เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาองค์กรหรือระบบต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ
ใช้ในการ วิเคราะห์ความสามารถ ของการตั้งกำไรและรายได้ จาก ทรัพยากรที่มีอยู่และบ่งบอกให้เห็น ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรของบริษัทเพื่อกำไรสูงสุด เช่นกำไรสุทธิ กำไรจากการดำเนินงาน กำไรผลตอบแทนจากสินทรัพย์ และผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น จะช่วยให้ผู้บริหารผู้ลงทุนวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่สามารถทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน
1 ความสามารถในการหารายได้ เช่นอัตราส่วนกำไรขั้นต้น
2 ประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนเช่นอัตรากำไรสุทธิ
3 ความสามารถในการใช้สินทรัพย์
4 ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น
ความสามารถในการสร้างกำไรความสามารถในการสร้างกำไรในการขาย การทำการทำกำไร ควบคุมค่าใช้จ่าย
ทางด้านการบริหารผลประกอบการทางการเงิน
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (Profitability Ratios) เป็นเครื่องมือสำคัญในด้านการบริหารการจัดการทางการเงิน โดยมุ่งเน้นการวัดประสิทธิภาพขององค์กรในการสร้างกำไรเมื่อเทียบกับทรัพยากรที่ใช้ โดยอาศัยวิธีการวิเคราะห์ดังนี้:
1. การวิเคราะห์รายได้และต้นทุน (Revenue & Cost Management)
วิเคราะห์การจัดการรายได้: ตรวจสอบแหล่งรายได้ที่สร้างผลกำไรสูงสุด และปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการตลาดและการขาย
ควบคุมต้นทุน: ลดต้นทุนการผลิตหรือการดำเนินงานโดยไม่กระทบคุณภาพของสินค้า/บริการ
2. การบริหารทรัพยากร (Resource Management)
• การใช้ทรัพย์สิน: วิเคราะห์ประสิทธิภาพของการใช้ทรัพย์สินเพื่อสร้างรายได้ เช่น Return on Assets (ROA)การจัดการเงินทุน: ตรวจสอบการใช้เงินทุนขององค์กรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด เช่น Return on Equity (ROE)
3. การกำหนดราคาและกลยุทธ์ตลาด (Pricing & Market Strategies)
การตั้งราคาขาย: ตั้งราคาที่เหมาะสมเพื่อเพิ่ม
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (Profitability Ratios) ใช้ในการวิเคราะห์ ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการในด้านต่าง ๆ ดังนี้:
1. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
• วัดความสามารถของธุรกิจในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
• ตัวอย่าง:
• อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)
ชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างกำไรจากต้นทุนขาย
\text{Gross Profit Margin} = \frac{\text{กำไรขั้นต้น}}{\text{รายได้รวม}} \times 100
• อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin)
แสดงความสามารถในการบริหารต้นทุนดำเนินงานให้เกิดผลกำไร
\text{Operating Profit Margin} = \frac{\text{กำไรจากการดำเนินงาน}}{\text{รายได้รวม}} \times 100
2. ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน
• วิเคราะห์ว่าเงินลงทุนและทรัพยากรที่ใช้ไปสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากน้อยเพียงใด
• ตัวอย่าง:
• อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (Return on Assets: ROA)
บ่งชี้ถึงความสามารถในการใช้สินทรัพย์ทั้งหมดในการสร้างกำไร
\text{ROA} = \frac{\text{กำไรสุทธิ}}{\text{สินทรัพย์รวม}} \times 100
• อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE)
แสดงผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากเงินทุนที่ลงไป
\text{ROE} = \frac{\text{กำไรสุทธิ}}{\text{ส่วนของผู้ถือหุ้น}} \times 100
3. ความสามารถในการสร้างรายได้
• ประเมินว่ายอดขายและรายได้ของธุรกิจสามารถสร้างกำไรได้เพียงใด
• ตัวอย่าง:
• อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)
บ่งบอกถึงกำไรที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด
\text{Net Profit Margin} = \frac{\text{กำไรสุทธิ}}{\text{รายได้รวม}} \times 100
ประโยชน์ในการใช้วิเคราะห์
1. วางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ
ช่วยระบุปัญหาและจุดอ่อนในการบริหาร เช่น ต้นทุนที่สูงเกินไป
2. ประเมินความสามารถในการแข่งขัน
เปรียบเทียบผลกำไรของธุรกิจกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
3. ตัดสินใจด้านการลงทุน
นักลงทุนใช้เพื่อประเมินว่าบริษัทสามารถให้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังได้หรือไม่
4. การปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน
ผู้บริหารสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลกำไร
1. ความสามารถในการสร้างกำไรจากรายได้
2. ความสามารถในการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์
3. ความสามารถในการเพิ่มมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น
4. การวัดประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุน
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยวิเคราะห์ความสามารถทางด้านการบริหารจัดการ ทั้งในแง่การควบคุมต้นทุน การสร้างรายได้ และการเพิ่มมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น.
วัดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ประเมินความสามารถในการควบคุมต้นทุน
ใช้วิเคราะห์ในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเฉพาะการควบคุมต้นทุนและการสร้างรายได้จากการขายสินค้าและบริการ
ใช้สำหรับวิเคราะห์ ความสามารถในการทำกำไรขององค์กร ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพของการบริหารการจัดการในด้านการสร้างผลกำไรจากทรัพยากรที่มีอยู่ อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนและสร้างรายได้
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรใช้วิเคราะห์ความสามารถในการบริหารจัดการที่ครอบคลุมทุกด้านขององค์กร ทั้งด้านการควบคุมต้นทุน การตั้งราคาสินค้า การใช้สินทรัพย์ และการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น เพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโดยรวม