1. ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk):
เป็นความเสี่ยงที่ผู้ออกตราสารหนี้ (เช่น บริษัทหรือรัฐบาล) อาจไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นตามกำหนดได้
หากผู้ออกตราสารมีสถานะทางการเงินอ่อนแอ ความเสี่ยงนี้จะสูงขึ้น
2. ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk):
เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาของตราสารหนี้ในตลาดรองมักจะลดลง ทำให้นักลงทุนอาจขายตราสารหนี้ได้ราคาต่ำกว่าที่ซื้อมา
3. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk):
หากตราสารหนี้ที่ถืออยู่มีการซื้อขายน้อยในตลาด นักลงทุนอาจไม่สามารถขายตราสารหนี้ได้ในเวลาที่ต้องการ หรือขายได้ในราคาที่ไม่เหมาะสม
4. ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ (Inflation Risk):
หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าที่แท้จริงของดอกเบี้ยและเงินต้นที่ได้รับอาจลดลง
5. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk):
เกิดขึ้นเมื่อผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้
6. ความเสี่ยงด้านสกุลเงิน (Currency Risk):
หากตราสารหนี้ออกในสกุลเงินต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนอาจส่งผลต่อมูลค่าและผลตอบแทนของตราสาร
7. ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk):
ราคาตราสารหนี้อาจผันผวนตามสภาวะตลาด เช่น ภาวะเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงิน
8. ความเสี่ยงจากการถูกเรียกคืนก่อนกำหนด (Call Risk):
ตราสารหนี้บางประเภทอาจถูกเรียกคืนโดยผู้ออกก่อนวันครบกำหนด ทำให้นักลงทุนสูญเสียโอกาสที่จะได้รับดอกเบี้ยที่สูงในอนาคต