Reflection: Display Mode

ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของทุน) มีต้นทุนทางการเงินกี่ประเภท

ต้นทุนทางการเงินมี 5 ประเภท 1.ต้นทุนจากหนี้สิน 2.ต้นทุนจากงานของผู้ถือหุ้น 3.ต้นทุนจากกำไรสะสม 4.ต้นทุนจากเงินทุนใหม่ 5.ต้นทุนถัวเฉลี่ย
ต้นทุนทางการเงินของ ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity Financing) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้: 1. ต้นทุนของกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings) • กำไรสะสมคือส่วนของกำไรที่บริษัทเก็บไว้และนำกลับไปลงทุนแทนที่จะจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น • ต้นทุนนี้สะท้อนถึงโอกาสที่ผู้ถือหุ้นพลาดไปหากพวกเขานำเงินปันผลที่ควรได้รับไปลงทุนในที่อื่น 2. ต้นทุนของเงินทุนจากการออกหุ้นใหม่ (Cost of New Equity)
ต้นทุนทางการเงิน (Cost of Capital) ของ ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) หรือ ส่วนของทุน (Equity Capital) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่: 1. ต้นทุนทุนเรือนหุ้น (Cost of Equity Capital) เป็นต้นทุนของเงินทุนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นสามัญ (Common Shareholders) ซึ่งมักมาในรูปของผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวัง  2. ต้นทุนส่วนได้เสียสะสม (Cost of Retained Earnings) เป็นต้นทุนทางการเงินที่บริษัทต้องเสียโอกาสในการใช้กำไรสะสม (Retained Earnings) มาลงทุน แทนที่จะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เหตุผลที่ต้องคิดต้นทุนนี้ แม้กำไรสะสมจะไม่มีต้นทุนจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินปันผลในทันที แต่ผู้ถือหุ้นยังคาดหวังผลตอบแทนจากการนำกำไรสะสมไปใช้ ดังนั้นจึงต้องคำนวณต้นทุนนี้ วิธีคำนวณต้นทุนส่วนได้เสียสะสม ต้นทุนส่วนได้เสียสะสมมักใช้วิธีเดียวกับการคำนวณต้นทุนทุนเรือนหุ้น เช่น CAPM หรือ DDM
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น คือผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจะได้รับจากการลงทุนในบริษัท เนื่องจากผู้ถือหุ้นรับความเสี่ยงสูงกว่าผู้ให้กู้หรือตราสารหนี้ ต้นทุนทางการเงินส่วนของทุนจึงมักสูงกว่า มี2 ประเภท คือ 1. ต้นทุนจากกำไรสะสม 2. ต้นทุนจากการออกหุ้นใหม่/เพิ่มทุน
มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ต้นทุนของทุน (Cost of Equity): คือ ต้นทุนที่บริษัทจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับการลงทุนในหุ้นของบริษัท 2. ต้นทุนของทุนส่วนเพิ่ม (Cost of New Equity): คือ ต้นทุนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อมีการออกหุ้นใหม่เพื่อระดมทุน โดยต้นทุนนี้จะรวมถึงต้นทุนทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการขายหุ้นใหม่ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
1. ต้นทุนของกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings) 2. ต้นทุนของการออกหุ้นใหม่ (Cost of New Equity)
ต้นทุนทางการเงินที่ออกใหม่ เงินปันผลต่อหุ้น
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of Equity) ในประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ตามลักษณะของการระดมทุนและการจัดหาเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับส่วนของทุน ซึ่งต้นทุนเหล่านี้เกิดขึ้นจากความคาดหวังของผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของทุน โดยทั่วไปแบ่งออกได้เป็น: 1. ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้นจากกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings) เกิดจากการที่บริษัทเลือกใช้กำไรสะสมเพื่อขยายธุรกิจแทนการจ่ายปันผล ผู้ถือหุ้นคาดหวังผลตอบแทนเท่ากับโอกาสที่สูญเสียจากการไม่ได้รับเงินปันผล (Opportunity Cost) 2. ต้นทุนทางการเงินจากการออกหุ้นสามัญใหม่ (Cost of New Equity) เกิดขึ้นเมื่อบริษัทออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อระดมทุน ต้นทุนนี้มักสูงกว่ากำไรสะสม เนื่องจากรวมต้นทุนการออกหุ้น (Flotation Costs) เช่น ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ค่านายหน้า และค่าประชาสัมพันธ์ 3. ต้นทุนจากสิทธิซื้อหุ้น (Rights Issue) การออกหุ้นสามัญใหม่ที่เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด แม้ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้เปรียบจากราคาส่วนลด แต่บริษัทต้องคำนึงถึงต้นทุนในรูปของการปรับลดมูลค่าหุ้น (Dilution Effect) 4. ต้นทุนจากหุ้นบุริมสิทธิ (Cost of Preferred Stock) แม้หุ้นบุริมสิทธิจะเป็นส่วนของทุน แต่มีลักษณะคล้ายหนี้ในแง่ที่ต้องจ่ายเงินปันผลคงที่ การพิจารณาในประเทศไทย ในบริบทของประเทศไทย ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้นมักถูกพิจารณาจาก: 1. อัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ถือหุ้นคาดหวัง ใช้การคำนวณโดยพิจารณาอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้น (SET) 2. ความเสี่ยงของบริษัท เช่น ความเสี่ยงด้านอุตสาหกรรมและสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ 3. กฎระเบียบของตลาดทุน เช่น ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ต้นทุนของส่วนของทุน ต้นทุนหนี้สิน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต้นทุนโอกาส ต้นทุนจากความเสี่ยง ต้นทุนทางภาษี
2ประเภท 1.ต้นทุนเงินปันผล ต้นทุนจากการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 2.ต้นทุนจากการเพิ่มทุน ต้นทุนจากการออกหุ้นใหม่ เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหุ้น
2 ประเภทหลักๆ คือ: ต้นทุนทุนเอง (Cost of Equity): คือ ต้นทุนที่บริษัทต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทุนจากผู้ถือหุ้น เช่น กำไรที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังว่าจะได้รับจากการลงทุนในบริษัท ต้นทุนนี้จะคำนวณได้จากหลายวิธี เช่น การใช้แบบจำลองการกำหนดราคาหุ้น (CAPM) หรือการคำนวณจากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในหุ้นของบริษัท. ต้นทุนจากการออกหุ้นกู้ (Cost of New Equity): คือ ต้นทุนที่เกิดจากการออกหุ้นใหม่เพื่อระดมทุน โดยต้นทุนนี้จะต้องคำนึงถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นใหม่ เช่น ค่าธรรมเนียมในการออกหุ้น, การลดราคาหุ้นที่อาจเกิดขึ้นจากการออกหุ้นใหม่ เป็นต้น
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of Equity) หรือส่วนของทุน มี 2 ประเภทหลัก ตามวิธีการคำนวณและแหล่งที่มาของต้นทุน ดังนี้: 1. ต้นทุนทางการเงินจากกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings) ต้นทุนส่วนนี้เกิดขึ้นเมื่อบริษัทใช้กำไรสะสมในกิจการ แทนที่จะจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น โดยมีโอกาสเสียประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะนำเงินไปลงทุนที่อื่น 2. ต้นทุนทางการเงินจากการออกหุ้นใหม่ (Cost of New Equity) เป็นต้นทุนจากการระดมทุนโดยการออกหุ้นใหม่ ซึ่งมักสูงกว่าต้นทุนจากกำไรสะสม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการขายหุ้น (Flotation Costs) ความสำคัญ การแยกต้นทุนทั้งสองประเภทช่วยให้บริษัทประเมินความเหมาะสมในการเลือกใช้เงินทุนระหว่างกำไรสะสมหรือออกหุ้นใหม่ เพื่อให้ได้โครงสร้างเงินทุนที่มีประสิทธิภาพที่สุด.
2ประเภท 1. ต้นทุนทางการเงินจากกำไรสะสม 2. ต้นทุนทางการเงินจากการเพิ่มทุน
สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ ต้นทุนเงินทุนจากเจ้าของเป็นเงินสด หรือ สินทรัพย์ที่สามารถแปลเป็นเงินทุน ได้ ส่วนที่ 2 คือ ต้นทุนหนี้สินจากการกู้ยืม เข่นการยืมสินเชื่อ ธนาคาร และการกู้จากตราสารหนี้
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น มี 2 ประเภท 1.ต้นทุนทางการเงินทางตรง คือผลตอบแทนที่คาดหวังจากผู้ถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นจะคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือกำไรสะสม ของกิจการ 2.ต้นทุนทางการเงินทางอ้อม คือ ต้นทุนที่มาจากโอกาสการลงทุน ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่กิจการคาดหวังจากการใช้กำไรสะสมหรือทุนสำรองในการลงทุนใหม่ เพื่อสร้างผลกำไรในอนาคต
1. ต้นทุนทางการเงินของทุนเรือนหุ้น (Cost of Equity Capital) อธิบาย: เป็นผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจากการลงทุนในบริษัท ซึ่งเป็นต้นทุนที่บริษัทต้องแบกรับเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้น 2. ต้นทุนของกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings) อธิบาย: เป็นต้นทุนโอกาส (Opportunity Cost) ของการใช้กำไรสะสมแทนการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น วิธีคำนวณ: ใช้แนวทางเดียวกับ Cost of Equity เนื่องจากกำไรสะสมถือว่าเป็นของผู้ถือหุ้นโดยตรง ทั้งสองประเภทนี้สะท้อนถึงต้นทุนที่บริษัทต้องเผชิญในการจัดหาเงินทุนผ่านผู้ถือหุ้น และมีบทบาทสำคัญในการวางแผนโครงสร้างเงินทุนของบริษัท (Capital Structure).
ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ๆ คือ 1. ทุนชำระแล้ว (เงินทุนที่ผู้ถือหุ้นนำเข้ามาในบริษัทจริง ๆ ) 2. ส่วนเกินมูลค่าหุ้น (มูลค่าหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากราคาพาร์) 3. กำไรหรือขาดทุนสะสม (ผลรวมของกำไรสุทธิที่ได้จากการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา) 4. ส่วนต่างที่เกิดจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์ (ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ บริษัทสามารถปรับมูลค่าสินทรัพย์ให้สะท้อนมูลค่าความเป็นจริง หรือมูลค่าตลาดได้)
ดอกเบี้ย กำไล อัตราแลกเปลี่ยน
ผู้ถือหุ้น 2 ประเภท 1.ต้นทุนของทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of Equity) 2.ต้นทุนของทุนส่วนของผู้ถือหุ้นที่มาจากการออกหุ้นใหม่ (New Equity Issue Cost) ส่วนของทุน ต้นทุนของทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of Equity) ต้นทุนจากการออกหุ้นใหม่ (New Equity Issue Cost)
2ประเภท 1.ต้นทุนทางการเงินทางตรง 2. ต้นทุนทางการเงินทางอ้อม
1. ต้นทุนทางการเงินของทุนเรือนหุ้น (Cost of Equity Capital) อธิบาย: เป็นผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจากการลงทุนในบริษัท ซึ่งเป็นต้นทุนที่บริษัทต้องแบกรับเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้น 2. ต้นทุนของกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings) อธิบาย: เป็นต้นทุนโอกาส (Opportunity Cost) ของการใช้กำไรสะสมแทนการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น วิธีคำนวณ: ใช้แนวทางเดียวกับ Cost of Equity เนื่องจากกำไรสะสมถือว่าเป็นของผู้ถือหุ้นโดยตรง ทั้งสองประเภทนี้สะท้อนถึงต้นทุนที่บริษัทต้องเผชิญในการจัดหาเงินทุนผ่านผู้ถือหุ้น และมีบทบาทสำคัญในการวางแผนโครงสร้างเงินทุนของบริษัท (Capital Structure).
2 ประเภทหลัก 1.ต้นทุนจากทุนหุ้นสามัญ 2.ต้นทุนจากหุ้นบุริมสิทธิ
1.ต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้นจากกำไรสะสม 2.ต้นทุนจากการออกหุ้นใหม่ 3.ต้นทุนเงินปันผล 4.ต้นทุนส่วนของทุนที่วัดจากผลตอบแทนคาดหวัง
2 แบบ แบบDDM-CAPM แบบเทียบกับตลาดและธุรกิจที่ทำ
ต้นทุนทางการเงินของส่วนของทุนมี 2 ประเภทหลัก: 1. ต้นทุนจากกำไรสะสม (โอกาสเสียผลตอบแทน) 2. ต้นทุนจากการออกหุ้นใหม่ (รวมค่าใช้จ่ายการออกหุ้น)
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของทุน) มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่: ต้นทุนของทุน (Cost of Equity): เป็นต้นทุนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ลงทุนในหุ้นของบริษัท เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นต้องรับ วิธีการคำนวณต้นทุนทุน เช่น การใช้ Capital Asset Pricing Model (CAPM) หรือการใช้ Dividend Discount Model (DDM) โดยจะพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจากการลงทุนในหุ้นของบริษัท ต้นทุนของทุนร่วม (Cost of Preferred Equity): เป็นต้นทุนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นประเภทพิเศษหรือหุ้นบุริมสิทธิ์ (Preferred Stock) หุ้นบุริมสิทธิ์จะได้รับการจ่ายเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ แต่ต้นทุนของทุนร่วมมักจะต่ำกว่าต้นทุนของทุนสามัญ เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่า
ต้นทุนจากหุ้นสามัญ (Cost of Equity) ต้นทุนจากหุ้นบุริมสิทธิ (Cost of Preferred Stock)
1. ต้นทุนจากการจ่ายเงินปันผล (Dividend Discount Model - DDM) วิธีนี้ใช้ในการคำนวณต้นทุนของทุนจากหุ้นสามัญโดยพิจารณาจากเงินปันผลที่บริษัทจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น และการเติบโตของเงินปันผลในอนาคต 2. ต้นทุนจากการใช้โมเดลการปรับอัตราผลตอบแทนตามความเสี่ยง (Capital Asset Pricing Model - CAPM) วิธีนี้พิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงของตลาด โดยคำนวณต้นทุนของทุนจากความเสี่ยงของหุ้น
ประกอบด้วย4 ส่วน 1.ทุนชำระแล้ว 2. ส่วนเกินมูลค่าหุ้น 3.กำไรหรือขาดทุนสะสม 4.ส่วนต่างที่เกิดจากการปรับมูลค่ามูลค่าทรัพย์สิน
ต้นทุนทางการเงินของส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity Financing Costs) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้: 1. ต้นทุนทางการเงินโดยตรง (Explicit Cost of Equity) • เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจากการลงทุนในบริษัท • ตัวอย่าง: • เงินปันผลที่บริษัทจ่ายให้ผู้ถือหุ้น • การเพิ่มทุน เช่น การออกหุ้นใหม่ (ต้องเสนอผลตอบแทนที่ดึงดูดผู้ลงทุน) สูตรที่ใช้ในการคำนวณต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้น: • Dividend Discount Model (DDM)  • : เงินปันผลในปีหน้า • : ราคาหุ้นปัจจุบัน • : อัตราการเติบโตของเงินปันผล • Capital Asset Pricing Model (CAPM)  • : อัตราผลตอบแทนไร้ความเสี่ยง • : อัตราผลตอบแทนตลาด • : ความเสี่ยงของหุ้นเมื่อเทียบกับตลาด 2. ต้นทุนทางการเงินโดยอ้อม (Implicit Cost of Equity) • เป็นต้นทุนที่ไม่ปรากฏในรูปของการจ่ายจริง แต่สะท้อนถึงโอกาสที่สูญเสียไป • ตัวอย่าง: • ผลตอบแทนทางการลงทุนที่ผู้ถือหุ้นอาจได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น • การที่บริษัทต้องรักษาสัดส่วนเงินปันผลเพื่อไม่ให้หุ้นเสียความน่าสนใจ การบริหารจัดการต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้นที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีผลต่อโครงสร้างเงินทุน (Capital Structure) และการดึงดูดการลงทุนในระยะยาว
1.ต้นทุนส่วนของทุนที่คำนวณจากตลาด 2.ต้นทุนจากเงินปันผล 3.ต้นทุนส่วนของทุนที่มาจากการกำหนดเอง โดยพิจารณาปัจจัยเช่น ความเสี่ยงธุรกิจ และอัตราผลตอบแทนที่ต้องการของนักลงทุน
ต้นทุนทางการเงินของ **ส่วนของผู้ถือหุ้น** หรือ **ส่วนของทุน** (Cost of Equity) คือค่าใช้จ่ายหรือผลตอบแทนที่บริษัทต้องเสนอให้ผู้ถือหุ้นเพื่อแลกกับการลงทุนในบริษัท ต้นทุนนี้มีประเภทหลักดังนี้: --- ### **1. ต้นทุนทางการเงินจากการเพิ่มทุน (Equity Issuance Cost)** ต้นทุนนี้เกิดขึ้นเมื่อบริษัทออกหุ้นใหม่เพื่อระดมทุน เช่น หุ้นสามัญ (Common Stock) หรือหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) ประกอบด้วย: - **ค่าใช้จ่ายในการออกหุ้น** (Issuance Costs): เช่น ค่าธรรมเนียมธนาคาร ค่านายหน้า และค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย - **ผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวัง** (Required Rate of Return): เป็นต้นทุนที่สำคัญ เพราะผู้ถือหุ้นคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividends) หรือการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น (Capital Gains) --- ### **2. ต้นทุนทางการเงินของหุ้นสามัญ (Cost of Common Equity)** สะท้อนถึงผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นสามัญคาดหวังจากการลงทุนในบริษัท สามารถคำนวณได้โดยใช้โมเดลต่างๆ เช่น: - **Dividend Discount Model (DDM)** \[ \text{Cost of Equity (k\_e)} = \frac{D_1}{P_0} + g \] โดย: - \(D_1\): เงินปันผลต่อหุ้นในปีถัดไป - \(P_0\): ราคาหุ้นในปัจจุบัน - \(g\): อัตราการเติบโตของเงินปันผล - **Capital Asset Pricing Model (CAPM)** \[ \text{Cost of Equity (k\_e)} = R_f + \beta (R_m - R_f) \] โดย: - \(R_f\): อัตราผลตอบแทนไร้ความเสี่ยง (Risk-Free Rate) - \(\beta\): ค่าความเสี่ยงของหุ้น (Beta) - \(R_m\): ผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาด (Market Return) --- ### **3. ต้นทุนทางการเงินของหุ้นบุริมสิทธิ (Cost of Preferred Equity)** สะท้อนถึงผลตอบแทนที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Shareholders) ซึ่งคำนวณได้ง่ายกว่า: \[ \text{Cost of Preferred Equity (k\_p)} = \frac{D_p}{P_p} \] โดย: - \(D_p\): เงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิ - \(P_p\): ราคาหุ้นบุริมสิทธิ --- ### **4. ต้นทุนทางการเงินจากกำไรสะสม (Cost of Retained Earnings)** แม้ว่ากำไรสะสมจะไม่ใช่ต้นทุนโดยตรง แต่ถือว่าเป็นต้นทุนทางโอกาส (Opportunity Cost) เนื่องจากผู้ถือหุ้นคาดหวังผลตอบแทนจากการนำกำไรสะสมไปใช้ลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนเท่ากับ **Cost of Equity** --- ### **5. ต้นทุนทางการเงินจากการกู้ยืมผสมทุน (Hybrid Instruments)** ในบางกรณี อาจมีเครื่องมือทางการเงินแบบผสม เช่น: - หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bonds) - หุ้นกู้ที่มีตัวเลือกการแปลงเป็นหุ้น (Warrants) เครื่องมือเหล่านี้มีต้นทุนที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปแบบของหนี้และทุน --- ### **6. ต้นทุนทางการเงินแฝง (Implicit Cost)** - ต้นทุนที่เกิดจากการสูญเสียการควบคุม (Loss of Control): เมื่อเพิ่มทุนโดยออกหุ้นใหม่ - ต้นทุนการลดสัดส่วนการถือหุ้น (Dilution Effect): ผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นเดิมจากการเพิ่มจำนวนหุ้น --- **สรุป:** ต้นทุนทางการเงินของส่วนของทุนเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์โครงสร้างเงินทุนของบริษัท การคำนวณอย่างแม่นยำช่วยให้บริษัทตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมเกี่ยวกับการระดมทุนและการลงทุนในโครงการใหม่.
มี 2 ประเภท 1 ต้นทุนทางการเงินใช้ทุนเป็นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุนในหุ้นของบริษัท 2 ต้นทุนทางการเงินจากการจ่ายเงินปันผลทางบริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับพืชถือหุ้นต้นทุนจากการจ่ายเงินปันผลจะเป็นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับจากผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผล
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของทุน) มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่: ต้นทุนของทุน (Cost of Equity): เป็นต้นทุนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ลงทุนในหุ้นของบริษัท เพื่อแลกกับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นต้องรับ วิธีการคำนวณต้นทุนทุน เช่น การใช้ Capital Asset Pricing Model (CAPM) หรือการใช้ Dividend Discount Model (DDM) โดยจะพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจากการลงทุนในหุ้นของบริษัท ต้นทุนของทุนร่วม (Cost of Preferred Equity): เป็นต้นทุนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นประเภทพิเศษหรือหุ้นบุริมสิทธิ์ (Preferred Stock) หุ้นบุริมสิทธิ์จะได้รับการจ่ายเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ แต่ต้นทุนของทุนร่วมมักจะต่ำกว่าต้นทุนของทุนสามัญ เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่า
1. ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดมทุนภายใน (Internal Financing Cost of Equity) 2. ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดมทุนภายนอก (External Financing Cost of Equity)
1. ต้นทุนส่วนของทุนภายใน (Internal Cost of Equity) ต้นทุนที่เกิดจากการใช้เงินทุนของผู้ถือหุ้นปัจจุบันภายในบริษัท (Retained Earnings) ซึ่งไม่ได้ระดมทุนจากภายนอก โดยใช้กำไรสะสมเป็นแหล่งเงินทุน 2. ต้นทุนส่วนของทุนจากภายนอก (External Cost of Equity) ต้นทุนที่เกิดจากการออกหุ้นใหม่ (New Equity Issuance) เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมจากผู้ถือหุ้นภายนอก ต้นทุนนี้จะรวม ค่าธรรมเนียมการออกหุ้นใหม่ (Floatation Costs) เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายหุ้น 3. ต้นทุนจากความคาดหวังของผู้ถือหุ้น (Expected Return of Shareholders) ผู้ถือหุ้นคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน เช่น เงินปันผลหรือการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น บริษัทต้องให้ผลตอบแทนเพียงพอเพื่อรักษาผู้ถือหุ้นไม่ให้ถอนการลงทุน
ต้นทุนของหุ้นสามัญ: ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในหุ้นสามัญ. ต้นทุนของหุ้นบุริมสิทธิ: ผลตอบแทนที่ต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ. ต้นทุนของกำไรสะสม: ผลตอบแทนที่เกิดจากการเก็บรักษากำไรภายในบริษัท
Cost of Equity สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้: 1. ต้นทุนทางการเงินที่ชัดเจน (Explicit Cost) เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาทุนโดยตรง เช่น การออกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ 2. ต้นทุนทางการเงินโดยนัย (Implicit Cost) เป็นต้นทุนที่ไม่ได้แสดงออกมาในรูปแบบตัวเงินโดยตรง แต่สะท้อนผ่านผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจากการลงทุน
ต้นทุนทางการเงินในส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity Financing Costs) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามโครงสร้างและลักษณะของแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุน ซึ่งรวมถึง: 1. **ต้นทุนจากการจ่ายเงินปันผล (Dividend Cost)**: เงินที่บริษัทจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น จะถือเป็นต้นทุนทางการเงินเนื่องจากเป็นการคืนกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นแทนที่จะนำมาใช้ในการขยายกิจการ 2. **ต้นทุนจากการเพิ่มทุน (Equity Issuance Cost)**: เมื่อต้องการระดมทุนเพิ่มเติมผ่านการออกหุ้นใหม่ บริษัทจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและออกหุ้น รวมถึงค่านายหน้าและค่าดำเนินการต่าง ๆ 3. **ต้นทุนโอกาส (Opportunity Cost)**: การใช้เงินทุนของผู้ถือหุ้นมาใช้ในการลงทุนกับบริษัท ซึ่งอาจหมายถึงการเสียโอกาสในการลงทุนในแหล่งอื่นที่อาจมีผลตอบแทนสูงกว่า 4. **ต้นทุนด้านภาษี (Tax Cost)**: ในบางประเทศ การจ่ายเงินปันผลอาจมีผลกระทบต่อภาษี โดยบริษัทอาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมหรือผู้ถือหุ้นอาจต้องเสียภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับ 5. **ต้นทุนทางการเงินจากการกู้ยืม (Debt Cost)**: สำหรับกรณีที่บริษัทเลือกใช้เงินกู้ยืมเพื่อการลงทุน บริษัทจะต้องจ่ายดอกเบี้ยและค่าดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นต้นทุนทางการเงินส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้น การพิจารณาและบริหารจัดการต้นทุนเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถจัดการทรัพยากรทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน
1. ต้นทุนจากการลงทุนในหุ้น 2. ต้นทุนจากการใช้แบบ CAPM
ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of Equity) หรือ ต้นทุนทางการเงินส่วนของทุน เป็นต้นทุนที่บริษัทต้องแบกรับเพื่อระดมทุนจากผู้ถือหุ้น และสามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้: 1. ต้นทุนจากเงินปันผล (Dividend Cost) • คืออะไร: ต้นทุนที่เกิดจากการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น • ตัวอย่าง: • หากบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นในอัตรา 5% ของราคาหุ้น ผู้ถือหุ้นจะคาดหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล • การคำนวณ: ใช้สูตร Dividend Discount Model (DDM):  โดยที่: • : เงินปันผลที่คาดว่าจะจ่ายในปีหน้า • : ราคาหุ้นในปัจจุบัน • : อัตราการเติบโตของเงินปันผล 2. ต้นทุนจากการเพิ่มมูลค่าหุ้น (Capital Gain Cost) • คืออะไร: ต้นทุนที่เกิดจากความคาดหวังของผู้ถือหุ้นในการเพิ่มมูลค่าของหุ้นในอนาคต • ตัวอย่าง: • นักลงทุนอาจคาดหวังให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นปีละ 8% หากบริษัทไม่จ่ายปันผล 3. ต้นทุนรวม (Total Return Cost) • คืออะไร: การรวมต้นทุนจาก เงินปันผล และ กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) เข้าด้วยกัน • ตัวอย่าง: หากนักลงทุนคาดหวังผลตอบแทนรวมที่ 10% โดยแบ่งเป็นเงินปันผล 4% และกำไรจากส่วนต่างราคา 6% 4. ต้นทุนจากการระดมทุนใหม่ (Cost of New Equity) • คืออะไร: ต้นทุนที่เกิดขึ้นเมื่อบริษัทออกหุ้นใหม่ เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหุ้น หรือส่วนลดที่ต้องมอบให้ผู้ถือหุ้นใหม่ • การคำนวณ:  โดยที่ : ค่าใช้จ่ายในการออกหุ้นใหม่ 5. ต้นทุนทางการเงินที่คำนวณจากแบบจำลอง CAPM (Capital Asset Pricing Model) • คืออะไร: ต้นทุนที่คำนวณจากความเสี่ยงของบริษัทเมื่อเทียบกับตลาด • สูตร:  โดยที่: • : อัตราผลตอบแทนปราศจากความเสี่ยง (เช่น พันธบัตรรัฐบาล) • : อัตราผลตอบแทนของตลาดโดยรวม • : ค่าความเสี่ยงของหุ้นเมื่อเทียบกับตลาด สรุป ต้นทุนทางการเงินส่วนของผู้ถือหุ้นมี 4-5 ประเภทหลัก ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีการคำนวณ: 1. ต้นทุนจากเงินปันผล 2. ต้นทุนจากการเพิ่มมูลค่าหุ้น 3. ต้นทุนรวม (เงินปันผล + Capital Gain) 4. ต้นทุนจากการระดมทุนใหม่ 5. ต้นทุนที่คำนวณจาก CAPM แต่ละวิธีเหมาะกับบริบทและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์ต้นทุนส่วนของทุน.

Send a message click here
or scan QR Code below.
Embedded QR Code