Reflection: Display Mode

แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน มาจากแหล่งอะไร

แหล่งที่มาของความเย็นภายในมาจากการดึงความร้อนออกจากพื้นที่ โดยใช้ระบบทำความเย็นที่พึ่งพาเครื่องมือหรือหลักการทางธรรมชา
เงินที่มาจาก ภายในองค์กร เช่น กำไรสะสม เงินทุน ที่เจ้าของนำมา การขายสินทรัพย์ถาวร การ ขายลดราคา
ต้นทุนส่วนของหนี้สิน (Cost of Debt) เป็นต้นทุนที่องค์กรต้องจ่ายให้กับผู้ถือครองตราสารหนี้ เช่น หุ้นกู้หรือเงินกู้ยืม ต้นทุนนี้มีผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบริษัท เพราะมันเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของต้นทุนเงินทุนรวม (Weighted Average Cost of Capital - WACC) --- การคำนวณต้นทุนส่วนของหนี้สิน 1. สูตรทั่วไป: \text{ต้นทุนส่วนของหนี้สินก่อนหักภาษี (Kd)} = \frac{\text{ดอกเบี้ยที่จ่าย (Interest Expense)}}{\text{เงินต้นของหนี้ (Debt Principal)}} 2. ต้นทุนส่วนของหนี้สินหลังหักภาษี: \text{Kd (หลังหักภาษี)} = \text{Kd (ก่อนหักภาษี)} \times (1 - \text{อัตราภาษี (Tax Rate)}) --- องค์ประกอบที่ใช้ในการคำนวณ 1. ดอกเบี้ยที่จ่าย (Interest Expense): อัตราดอกเบี้ยที่บริษัทต้องจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมหรือดอกเบี้ยหุ้นกู้ ขึ้นอยู่กับสัญญาเงินกู้หรือเงื่อนไขการออกตราสารหนี้ 2. มูลค่าหนี้สิน (Debt Principal): มูลค่าที่แท้จริงของหนี้สินที่บริษัทกู้ยืม 3. อัตราภาษี (Tax Rate): อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัท ซึ่งใช้ในการปรับต้นทุนให้เป็น "ต้นทุนหลังหักภาษี"
กำไรสะสม (Retained Earnings): กำไรที่บริษัทได้รับจากการดำเนินงานในอดีตและไม่ได้นำไปจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แต่กลับมาใช้ในกิจการเพื่อการขยายตัวหรือลงทุนในโครงการต่างๆ การขายสินทรัพย์ (Sale of Assets): การขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นหรือไม่ทำให้บริษัทเกิดผลประโยชน์ในระยะยาว เช่น อสังหาริมทรัพย์, เครื่องจักร, หรือสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เพื่อสร้างเงินทุน การประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost Savings): การลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือการลดการใช้ทรัพยากร ซึ่งสามารถช่วยสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัท การบริหารจัดการเงินสด (Cash Flow Management): การบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเร่งเก็บหนี้ หรือการขยายระยะเวลาในการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน (Investment Income): การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน เช่น เงินลงทุนในหลักทรัพย์, หุ้น, หรือการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัท การระดมทุนจากหุ้น (Issuance of Shares): ในบางกรณีบริษัทอาจเลือกที่จะออกหุ้นใหม่เพื่อระดมทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมหรือนักลงทุนใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งพาหนี้สิน
กำไรสะสม กำไรสุทธิ ทรัพย์สินของกิจการ เงินส่วนตัว
แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน (Internal Sources of Funds) หมายถึงเงินทุนที่เกิดขึ้นจากภายในองค์กรเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากภายนอก เช่น การกู้ยืมจากธนาคารหรือการออกหุ้น โดยแหล่งที่มาของเงินทุนภายในมีดังนี้: 1. กำไรสะสม (Retained Earnings) เป็นกำไรที่บริษัทสะสมไว้หลังจากจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยสามารถนำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจหรือการลงทุนอื่น ๆ 2. การขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น (Sale of Assets) การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่จำเป็นต่อธุรกิจ เช่น เครื่องจักรเก่าหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ 3. ค่าเสื่อมราคาที่จัดสรรไว้ (Depreciation Funds) เงินที่กันไว้สำหรับการเสื่อมราคาของสินทรัพย์ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในองค์กร 4. เงินทุนที่เกิดจากการลดต้นทุนหรือประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost Savings) การลดค่าใช้จ่ายหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้มีเงินทุนเหลือใช้ภายใน 5. เงินทุนจากเจ้าของกิจการ (Owner’s Contribution) กรณีธุรกิจขนาดเล็ก เจ้าของอาจเพิ่มทุนโดยนำเงินส่วนตัวเข้ามาในธุรกิจ แหล่งเงินทุนภายในเหล่านี้เป็นวิธีที่ธุรกิจสามารถใช้เงินทุนที่มีอยู่ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมหรือออกหุ้นเพิ่มเติม
ทุนส่วนตัว , การระดมทุน , การกู้ยืมบุคคลภายใน
1. เงินทุนภายใน (Internal Sources of Funds) เงินทุนที่มาจากภายในองค์กร ซึ่งไม่จำเป็นต้อง พึ่งพาบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก แหล่งเงินทุนภายในมาจาก แหล่งดังนี้ 1. กำไรสะสม (Retained Earnings): เงินกำไรที่ธุรกิจเก็บสะสมไว้จากการดำเนินงานในอดีต เพื่อใช้ลงทุนหรือขยายกิจการ 2. การขายสินทรัพย์ (Sale of Assets): การขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น เช่น ที่ดิน อาคาร หรือ อุปกรณ์ 3. เงินทุนจากผู้ถือหุ้น (Owner's Equity): เงินที่เจ้าของธุรกิจนำมาลงทุนเพิ่มเติม
มาจากทรัพยากรที่ธุรกิจและกิจการที่ทำอยู่แล้ว ที่สามารถสร้างได้จากการดำเนินงานของธุรกิจเอง 1.กำไรสะสม 2.เงินทุนหมุนเวียน 3.การนำเงินทุนส่วนตัวของผู้ประกอบการ 4.การขายสินทรัพย์
- กำไรสะสม กำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งไม่ได้ถูกจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น - การหักเงินสำรอง การหักค่าเสื่อมราคาจากสินทรัพยไม่หมุนเวียนในบริษัท - การขายสินทรัพย์ ขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช้ในการดำเนินงาน
ทุนที่ได้มาจากกิจการเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากภายในนอก เช่นการกู้ยืมหรือการขายหุ้น ที่มาของแหล่งเงินทุน กำไรสะสม เงินสดหมุนเวียน การขายสินทรัพย์ การลดต้นทุน ค่าเสื่อมราคา การเพิ่มทุนจากเจ้าของ
แหล่งเงินทุนภายใน ถือว่าเป็นแหล่งเงินทุนที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นั้นวาดหวังที่อยากจะให้มีอย่างที่สุด แหล่งเงินทุนภายในนี้ทางผู้ประกอบการสามารถที่จะจัดหาเงินทุนมาได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ผ่านบุคคลภายนอก พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นเงินทุนที่มาจากตัวของกิจการเอง ไม่ได้ผ่านการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือธนาคารเลยแม้แต่น้อย
กำไรจากการดำเนินงาน
: 1. **กำไรสะสม (Retained Earnings):** - กำไรที่องค์กรได้รับจากการดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้ถูกจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แต่ถูกเก็บไว้เพื่อนำมาใช้ในการลงทุนหรือขยายกิจการในอนาคต 2. **เงินสดสำรอง (Cash Reserves):** - เงินสดที่องค์กรหรือบุคคลสำรองไว้สำหรับการใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือการลงทุนในโครงการใหม่ 3. **การขายสินทรัพย์ (Asset Sales):** - การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือไม่จำเป็น เช่น อสังหาริมทรัพย์, เครื่องจักร, หรืออุปกรณ์ เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดสำหรับการลงทุนหรือชำระหนี้ 4. **การลดค่าใช้จ่าย (Cost Reduction):** - การหาวิธีลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มเงินสดสำรองและกำไรสะสม 5. **การจัดการเงินสดหมุนเวียน (Working Capital Management):** - การบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บหนี้หรือการลดสินค้าคงคลัง เพื่อเพิ่มเงินสดหมุนเวียนภายในองค์กร
แหล่งเงินทุนภายใน (Internal Sources of Funds) หมายถึงเงินทุนที่องค์กรหรือธุรกิจสามารถหาได้จากทรัพยากรภายในโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนภายนอก เช่น การกู้ยืมหรือการระดมทุน ตัวอย่างแหล่งเงินทุนภายใน ได้แก่: 1. กำไรสะสม (Retained Earnings) • กำไรที่สะสมไว้จากผลประกอบการในอดีต โดยไม่ได้นำไปจ่ายปันผลหรือใช้ในส่วนอื่น 2. การขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น (Sale of Assets) • การขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงาน เช่น เครื่องจักรเก่าหรืออสังหาริมทรัพย์ 3. การลดต้นทุน (Cost Reduction) • การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดค่าแรงงานส่วนเกินหรือลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต 4. การจัดการสินทรัพย์หมุนเวียน (Working Capital Management) • การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเงินสด สินค้าคงคลัง และบัญชีลูกหนี้ 5. เงินลงทุนของเจ้าของกิจการ (Owner’s Investment) • เงินที่ผู้ประกอบการใส่เพิ่มเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ 6. **การปรับ
มาจาก 1. ทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ประกอบการ 2. ขายทรัพย์สินส่วนตัว การขายทรัพย์สินส่วนตัว เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีค่า
1กำไรของกิจการ 2ทรัพย์สินของกิจการ เช่นการขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อมาลงทุน 3เงินส่วนตัวของผู้ประกอบการ
กำไรสะสม กำไรที่ได้รับจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ค่าเสื่อมราคา เงินที่เกิดจากการคิดค่าเสื่อมของราคาสินทรัพย์เช่นอาคารเครื่องจักร การขายทรัพย์สิน การขายทรัพย์สินที่ไม่ใช้ประโยชน์แล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเงินสด การบริหารจัดการสภาพคล่องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การลดต้นทุนการปรับลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร
เงินทุนภายใน หมายถึงเงินทุนที่ได้มาจากแหล่งที่เกี่ยวข้องกับกิจการหรือเจ้าของธุรกิจโดยตรง 1. กำไรสะสมของธุรกิจ (Retained Earnings) • รายได้หรือกำไรที่ธุรกิจเก็บไว้หลังจากจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และไม่ได้นำไปแจกจ่ายเป็นเงินปันผล • ใช้สำหรับการขยายกิจการหรือพัฒนาสินค้าใหม่ 2. เงินออมส่วนตัวของเจ้าของธุรกิจ • เงินทุนที่มาจากเงินเก็บของผู้ก่อตั้งหรือหุ้นส่วนธุรกิจ 3. การขายทรัพย์สินที่มีอยู่ของธุรกิจ • การขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น เครื่องจักรเก่าหรืออุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น • นำเงินสดที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมที่สำคัญกว่า 4. การลดต้นทุนหรือควบคุมค่าใช้จ่าย (Cost Saving) • การบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ • ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อนำเงินไปใช้ในส่วนที่จำเป็น 5. การชำระคืนเงินลงทุนเดิม (Depreciation Funds) • ใช้เงินทุนที่กันสำรองไว้จากค่าเสื่อมราคาเพื่อซ่อมแซมหรือซื้อสินทรัพย์ใหม่ 6. เงินทุนจากการร่วมทุนของเจ้าของหรือหุ้นส่วน (Equity Contributions) • เงินที่เจ้าของธุรกิจหรือหุ้นส่วนเพิ่มเข้าไปในธุรกิจ • เป็นการเพิ่มทุนในส่วนของเจ้าของโดยตรง
• กำไรสะสม (Retained Earnings): กำไรที่ไม่ได้จ่ายออกไปในรูปของเงินปันผล แต่นำมาลงทุนเพิ่มเติมในกิจการ • การขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช้แล้ว (Sale of Assets): การขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น เช่น อาคาร เครื่องจักร • การลดต้นทุน (Cost Savings): การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มกระแสเงินสด
จากแหล่งต่าง ๆ ดังนี้: กำไรสะสม (Retained Earnings) – เงินที่ได้จากการดำเนินงานของบริษัทที่ไม่จ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่เก็บไว้เพื่อใช้ในการลงทุนหรือพัฒนากิจการในอนาคต การขายสินทรัพย์ (Sale of Assets) – การขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น อุปกรณ์เก่า ที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เงินสดสำรอง (Cash Reserves) – เงินสดที่บริษัทเก็บสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อใช้ในโครงการที่สำคัญ การประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost Saving) – การลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดต้นทุน และสร้างกำไรที่สูงขึ้น การจัดการสต็อก (Inventory Management) – การลดระดับสต็อกเกินจำเป็นและการบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดการผูกพันของเงินทุน
แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน 1. กำไรสะสม (Retained Earnings) 2. การขายสินทรัพย์ (Asset Sales) 3. เงินทุนส่วนตัวของเจ้าของ (Owner’s Equity) 4. การลดต้นทุนและการบริหารสภาพคล่อง แหล่งเงินทุนภายใน เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงด้านภาระดอกเบี้ย แต่ข้อจำกัดคือขึ้นอยู่กับความสามารถของธุรกิจในการสร้างรายได้และบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่
แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน (Internal Sources of Finance) เป็นเงินทุนที่มาจากทรัพยากรหรือการดำเนินงานภายในขององค์กรหรือธุรกิจเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากภายนอก เช่น การกู้ยืมจากธนาคาร หรือการระดมทุนจากนักลงทุน --- แหล่งเงินทุนภายในที่สำคัญ 1. กำไรสะสม (Retained Earnings): เงินที่องค์กรเก็บสะสมจากกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและเงินปันผล เป็นแหล่งเงินทุนที่ใช้บ่อยสำหรับการขยายธุรกิจหรือลงทุนในโครงการใหม่ 2. เงินสดสำรอง (Cash Reserves): เงินสดหรือเงินทุนที่มีอยู่ในบัญชีของบริษัท มักใช้สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินหรือการลงทุนระยะสั้น 3. การลดค่าใช้จ่าย (Cost Reduction): การลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่น การปรับกระบวนการผลิต หรือการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เงินที่ประหยัดได้จากกระบวนการนี้สามารถนำไปลงทุนต่อได้ 4. การขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น (Sale of Assets): การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น อุปกรณ์ เครื่องจักร อาคาร หรือที่ดิน เป็นวิธีเพิ่มเงินทุนโดยไม่ต้องเพิ่มภาระหนี้สิน 5. การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operational Efficiency): การปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ลดของเสียในสายการผลิต เงินที่ได้จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นสามารถนำไปลงทุนได้ 6. การคืนทุนหรือประหยัดค่าใช้จ่ายจากการผลิต (Internal Recycling): เช่น การรีไซเคิลวัตถุดิบหรือการนำของเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุน 7. รายได้จากธุรกิจปัจจุบัน (Current Revenue): เงินที่ได้จากการขายสินค้าและบริการในแต่ละวัน มักนำมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจหรือการลงทุนในโอกาสใหม่ --- ข้อดีของเงินทุนภายใน ไม่มีภาระดอกเบี้ย: ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือแบ่งผลตอบแทนให้บุคคลภายนอก ควบคุมได้ง่าย: ไม่มีข้อจำกัดจากผู้ให้กู้หรือผู้ลงทุนภายนอก ลดความเสี่ยง: ไม่มีการเพิ่มภาระหนี้สิน รวดเร็ว: ไม่ต้องผ่านกระบวนการอนุมัติจากภายนอก --- ข้อเสียของเงินทุนภายใน ข้อจำกัดในจำนวนเงิน: เงินทุนภายในมักมีจำนวนจำกัด โอกาสที่พลาดไป: หากใช้เงินสดสำรองมากเกินไป อาจไม่มีเงินสำหรับโอกาสลงทุนที่สำคัญในอนาคต ผลกระทบต่อเงินสดหมุนเวียน: การใช้กำไรสะสมหรือเงินสดสำรองอาจลดความคล่องตัวทางการเงิน --- การใช้แหล่งเงินทุนภายในอย่างเหมาะสม เหมาะสำหรับการลงทุนขนาดเล็กหรือโครงการที่มีความเสี่ยงต่ำ ควรประเมินผลกระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจเพื่อป้องกันการขาดเงินทุนในอนาคต ใช้ควบคู่กับแหล่งเงินทุนภายนอกในกรณีที่ต้องการเงินทุนจำนวนมาก
กำไรสะสม เงินออมส่วนตัว สินทนัพย์ที่ขายได้ การลดต้นทุนที่แปลงเปนเงิน
1. เงินทุนจากภายในกิจการ (Internal Financing) • กำไรสะสม • การขายสินทรัพย์หรือทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
1. กำไรสะสม (Retained Earnings) 2. การขายสินทรัพย์ (Asset Sale) 3. การลดต้นทุน (Cost Reduction) 4. การบริหารเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital Management) 5. การลงทุนซ้ำจากผู้ก่อตั้ง/หุ้นส่วน (Owner's Contribution)
1.กำไรสะสม 2.การขายสินทรัพย์ 3.การลดสินค้าคงคลัง 4.การลดหนี้ลูกหนี้การค้า
กำไรสะสม (Retained Earnings): เงินกำไรที่ธุรกิจเก็บไว้ ไม่ได้นำไปจ่ายเป็นเงินปันผล การขายสินทรัพย์ (Sale of Assets): ขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่จำเป็น เงินทุนของเจ้าของ (Owner's Equity): เงินลงทุนเริ่มต้นหรือเงินเพิ่มทุนจากเจ้าของกิจการ
**แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน (Internal Sources of Funds)** หมายถึง เงินทุนที่องค์กรสามารถสร้างขึ้นจากการดำเนินงานหรือทรัพยากรที่มีอยู่โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากภายนอก เช่น การกู้ยืม หรือการระดมทุนผ่านการออกหุ้น ### **แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน** 1. **กำไรสะสม (Retained Earnings):** - เป็นแหล่งเงินทุนหลักที่เกิดจากกำไรสุทธิของธุรกิจหลังจากการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น - กำไรที่เก็บไว้สามารถนำไปใช้ลงทุนในโครงการใหม่, ซื้อสินทรัพย์, หรือขยายกิจการ 2. **การขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น (Sale of Unused Assets):** - การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น เครื่องจักรเก่าหรือที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ - เป็นวิธีที่องค์กรสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อใช้ลงทุนหรือบริหารงาน 3. **ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายไม่เป็นเงินสด (Depreciation and Non-Cash Expenses):** - ค่าเสื่อมราคาเป็นรายการที่ลดกำไรในงบการเงินแต่ไม่ได้เป็นการจ่ายเงินสดจริง - เงินสดที่เหลือจากการบันทึกค่าเสื่อมราคาสามารถนำมาใช้ลงทุนในโครงการหรือสินทรัพย์ใหม่ 4. **การจัดการเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital Management):** - การปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์หมุนเวียน เช่น การลดสต็อกสินค้า การจัดเก็บหนี้เร็วขึ้น หรือการเจรจาขยายระยะเวลาการจ่ายหนี้ - ทำให้ธุรกิจมีเงินสดมากขึ้นโดยไม่ต้องหาเงินจากแหล่งอื่น 5. **การนำผลกำไรกลับไปลงทุนใหม่ (Reinvestment of Profits):** - การใช้กำไรจากกิจกรรมเดิมไปขยายธุรกิจ เช่น เปิดสาขาใหม่หรือเพิ่มสายการผลิต --- ### **ข้อดีของแหล่งเงินทุนภายใน** - ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือแบ่งสิทธิ์การเป็นเจ้าของ - เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับองค์กร - ลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากภายนอก --- ### **ข้อจำกัดของแหล่งเงินทุนภายใน** - อาจไม่เพียงพอสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ - การใช้กำไรสะสมมากเกินไปอาจทำให้ขาดเงินทุนสำรอง - การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ อาจจำกัดศักยภาพในอนาคต --- ### **ตัวอย่างการใช้เงินทุนภายใน** - ใช้กำไรสะสมเพื่อลงทุนในโครงการวิจัยและพัฒนา - ขายอาคารสำนักงานที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อปรับปรุงโรงงาน - ใช้เงินสดที่ได้จากการลดสินค้าคงเหลือเพื่อลดหนี้ระยะสั้น แหล่งเงินทุนภายในเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่รอบคอบเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ทางธุรกิจ
เป็นเงินทุนที่มาจากทรัพยากรภายในขององค์กรหรือบุคคล เช่น: เงินออมส่วนตัว: สำหรับบุคคลหรือเจ้าของธุรกิจ กำไรสะสม: องค์กรสามารถนำกำไรที่ได้รับมาลงทุนใหม่ การขายสินทรัพย์: การขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นเพื่อนำเงินมาใช้
แหล่งเงินทุนภายใน มีอะไรบ้าง 1.กำไรสะสมของกิจการ กำไรสะสมของกิจการ ถือได้ว่าเป็นแหล่งเงินทุนภายในที่เอาไว้วัดประสิทธิภาพของกิจการนั้น ๆ เลยก็ว่าได้ ตามหลักธรรมชาติแล้วหากกิจการไหนมีผลกำไรที่ดี แน่นอนเลยว่าส่งผลดีตอ่ตัวของกิจการสุด ๆ ซึ่งผู้ประกอกบการสามารถนำกำไรสะสมของกิจการมาใช้ต่อยอดในกิจการได้อย่างสบาย ๆ 2.ทรัพย์สินของกิจการ ผู้ประกอบการสามารถหาแหล่งเงินทุนภายในได้จากทรัพย์สินของกิจการแบบง่าย ๆ คือ การขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นสำหรับกิจการออกไป เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ลงทุนต่อยอดภายในธุรกิจ 3.เงินส่วนตัวของผู้ประกอบการ เงินของผู้ประกอบการนี่แหละค่ะ ที่ถือว่าเป็นแหล่งเงินทุนภายในอันดับแรก ๆ ที่ใคร ๆ ก็นิยมใช้กัน เพราสามารถช่วยลดขั้นตอนในการไปหาแหล่งเงินทุนภายนอกได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้.. ทางผู้ประกอบการเองก็ควรจำกัดวงเงินส่วนตัวที่จะนำมาใช้ภายในกิจการเสียด้วย ก่อนที่จะบานปลายไปกันใหญ่
1. กำไรสะสมจากการดำเนินธุรกิจ 2. จากการขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ 3. การลดต้นทุนส่วนที่ไม่มีและสิทธิภาพ ในการดำเนินธุรกิจ
แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน (Internal Fund) ส่วนใหญ่จะมาจาก กำไรสะสม ของบริษัท (Retained Earnings) ซึ่งเป็นเงินที่บริษัทเก็บรักษาไว้จากผลกำไรที่ไม่ได้นำไปจ่ายเป็นเงินปันผล. นอกจากนี้ยังมีแหล่งเงินทุนอื่น ๆ เช่น ทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ประกอบการ หรือการขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น. การใช้เงินออมส่วนตัวและการกู้ยืมจากครอบครัวก็เป็นทางเลือกที่นิยมในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (SME)
1.กำไรสะสมของกิจการ 2.ทรัพย์สินของกิจการ 3.เงินส่วนตัวของผู้ประกอบการ
1การขายสินทรัพย์2.กำไรสะสม3.เงินของเจ้าของ
1. กำไรสะสม (Retained Earnings) กำไรที่องค์กรหรือธุรกิจได้รับจากการดำเนินงาน และนำกลับมาลงทุนใหม่แทนที่จะจ่ายออกเป็นเงินปันผลหรือใช้จ่ายอย่างอื่น 2. เงินออมส่วนตัว (Personal Savings) เงินที่สะสมไว้โดยบุคคลเจ้าของกิจการหรือผู้ลงทุน เป็นแหล่งทุนเริ่มต้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือกิจการส่วนตัว 3. การขายทรัพย์สิน (Sale of Assets) การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น เครื่องจักรเก่าหรือที่ดินที่ไม่ได้ใช้ นำเงินที่ได้มาลงทุนหรือหมุนเวียนในกิจการ 4. การลดต้นทุน (Cost Reduction) การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดค่าโสหุ้ยหรือปรับปรุงการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ 5. ค่าเสื่อมราคาสะสม (Depreciation Funds) การสะสมค่าเสื่อมราคาจากสินทรัพย์ถาวรเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการซ่อมแซมหรือซื้อสินทรัพย์ใหม่ ข้อดีของเงินทุนภายใน: ไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีความเสี่ยงต่ำกว่าเงินทุนจากภายนอก สามารถควบคุมได้ง่ายและรวดเร็ว
แหล่งที่มาของเงินทุนภายใน (Internal Sources of Finance) คือเงินทุนที่มาจากภายในองค์กรเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งภายนอก เช่น การกู้ยืมจากธนาคารหรือนักลงทุน แหล่งเงินทุนภายในมีดังนี้: 1. กำไรสะสม (Retained Earnings) • เป็นส่วนของกำไรที่ธุรกิจสะสมไว้แทนที่จะนำไปแจกจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น • ใช้สำหรับการขยายธุรกิจหรือลงทุนในโครงการใหม่ ข้อดี: ไม่มีดอกเบี้ยหรือภาระในการชำระคืน 2. การขายสินทรัพย์ (Sale of Assets) • การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักรเก่า • นำเงินที่ได้มาใช้เป็นทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจ ข้อดี: ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสินทรัพย์ 3. การลดต้นทุน (Cost Reduction) • การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย • เงินที่ประหยัดได้สามารถนำมาใช้เป็นเงินทุน ข้อดี: เพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระทางการเงิน 4. เงินสดหมุนเวียน (Working Capital) • การบริหารจัดการเงินสดหรือทรัพย์สินหมุนเวียน เช่น การเร่งรัดเก็บหนี้จากลูกหนี้หรือการบริหารสินค้าคงคลังให้เหมาะสม • ใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ข้อดี: เพิ่มสภาพคล่องโดยไม่ต้องพึ่งเงินกู้ 5. การระดมเงินจากผู้ถือหุ้น (Owner’s Contribution) • เจ้าของธุรกิจหรือผู้ถือหุ้นเพิ่มเงินทุนให้กับธุรกิจ • เป็นการเพิ่มทุนโดยตรงจากภายใน ข้อดี: ไม่มีภาระหนี้หรือดอกเบี้ย
จากทรัพย์สินของกิจการแบบง่าย ๆ คือ การขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นสำหรับกิจการออกไป เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ลงทุนต่อยอดภายในธุรกิจ
กำไรสะสม การขายทรัพย์สิน เงินออมส่วนตัว การลดต้นทุน
กำไรสะสม-และการขายสินทรัพย์

Send a message click here
or scan QR Code below.
Embedded QR Code