Scan here!
ในธุรกิจการผลิต การจัดทำแผนงบประมาณขาย แล้วเสร็จ ก่อนจะไปทำในแผนงบประมาณการผลิต นั้นต้องพิจารณานโยบายอะไรก่อนจัดทำแผนงบประมาณการผลิต
นโยบายที่ต้องพิจารณาก่อนจัดทำแผนงบประมาณการผลิต
1. นโยบายปริมาณสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
• บริษัทต้องกำหนดระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม ทั้ง สินค้าสำเร็จรูป และ วัตถุดิบ
2. นโยบายความสามารถในการผลิต (Production Capacity Policy)
• ตรวจสอบความสามารถของโรงงานในการผลิตสินค้าตามแผนการขาย
• พิจารณาข้อจำกัด เช่น จำนวนเครื่องจักร กำลังคน และเวลาการทำงาน
4. นโยบายด้านต้นทุนการผลิต (Cost Control Policy)
• ต้องคำนึงถึงต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผลิต
• กำหนดแนวทางควบคุมต้นทุนเพื่อให้ราคาขายแข่งขันได้
• พิจารณาว่าจะใช้การผลิตแบบประหยัดต้นทุน (Lean Production) หรือการผลิตตามสั่ง (Make-to-Order)
5. นโยบายด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิต (Quality & Compliance Policy)
• กำหนดมาตรฐานคุณภาพของสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด
• พิจารณากระบวนการควบคุมคุณภาพ (QC) และมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ต้องปฏิบัติตาม
6. นโยบายความยืดหยุ่นของการผลิต (Flexibility Policy)
• เผื่อแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงในคำสั่งซื้อ เช่น ยอดขายเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างฉับพลัน
• กำหนดแนวทางการผลิตให้สามารถปรับตัวได้ เช่น ใช้แรงงานพาร์ทไทม์หรือเครื่องจักรที่สามารถผลิตได้หลายแบบ
นโยบายสินค้าคงคลัง กำหนดสินค้าขั้นต่ำสุดและสูงสุดที่เหมาะสม
นโยบายกำลังการผลิต ตรวจสอบขีดความสามารถของเครื่องจักรและแรงงานที่มีอยู่
นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ พิจารณาปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้
นโยบานด้านต้นทุนการผลิตวิเคราะห์ต้นทุนคงที่
นโยบายคุณภาพและมาตรฐานการผลิตกำหนดมมาตรฐานคุณภาพของสินค้า
นโยบายแรงงานและการจัดการทรัพยากรบุคคลวางแผนฝึกอบรมพนักงานให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต
ก่อนจะทำ แผนงบประมาณการผลิต บริษัทต้อง
พิจารณา คือ นโยบายสินค้าคงคลัง
แล้วค่อย จัดทำแผนประมานการผลิต
จากนั้นค่อยวางแผนในส่วนอื่น
การจัดซื้อวัตถุดิบ ต้นทุน และคุณภาพ เพื่อให้การผลิตเป็นไปตามเป้าหมายและสอดคล้องกับยอดขายที่ตั้งเป้าไว้
1.กำหนดต้นทุนการผลิต
วิธีการผลิต,กำลังการผลิต และคุณภาพสินค้า
2.วางแผนการจัดซื้อเมื่อทราบปริมาณการผลิตและวิธีการผลิตแล้ว จะสามารถวางแผนการจัดซื้อวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสม
ก่อนจัดทำงบประมาณการผลิต ควรทำความเข้าใจการผลิตของบริษัทให้ละเอียด เพื่อให้การวางแผนงบประมาณเป็นไปอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท
ต้องพิจารณา นโยบายสินค้าคงคลัง ก่อนค่ะ โดยพิจารณ่ดังนี้
1. ปริมาณสินค้าคงเหลือขั้นต่ำ (Safety Stock)
2. เป้าหมายสินค้าสำเร็จรูปที่ต้องการเก็บไว้
3. รอบการผลิต (Production Cycle)
4. นโยบายการผลิตต่อคำสั่งซื้อ (Make to Order) หรือเพื่อสต็อก (Make to Stock)
กำหนดระดับสินค้าคงคลังขั้นต่ำและสูงสุดที่ต้องการ
ตัดสินใจว่าจะใช้ระบบ หรือผลิตเก็บสต็อก
คำนวณ ต้นทุนการเก็บสต็อก เทียบกับความต้องการตลาดนโยบายกำลังการผลิต
ศึกษาข้อจำกัดของกำลังการผลิต เช่น จำนวนเครื่องจักร ชั่วโมงการทำงานของพนักงานพิจารณาการใช้ OT หรือการจ้างงานชั่วคราวในช่วงที่อุปสงค์สูง
วิเคราะห์ความสามารถในการขยายกำลังการผลิตในอนาคต
นโยบายการจัดหาวัตถุดิบ
วางแผนปริมาณวัตถุดิบให้เพียงพอต่อการผลิต ตรวจสอบความพร้อมของซัพพลายเออร์ รวมถึงระยะเวลาการจัดส่ง
พิจารณาต้นทุนและกลยุทธ์การจัดซื้อ เช่น การสั่งซื้อเป็นล็อตใหญ่เพื่อลดต้นทุน
นโยบายการบริหารแรงงาน วางแผนจำนวนแรงงานที่ต้องการในแต่ละช่วง
พิจารณาประสิทธิภาพแรงงานและความจำเป็นในการฝึกอบรมวางแผนการจัดตารางเวลาการทำงานให้เหมาะสม
นโยบายด้านต้นทุนการผลิต กำหนดเป้าหมายต้นทุนการผลิตต่อหน่วย
ในการจัดทำแผนงบประมาณการผลิตในธุรกิจการผลิตนั้น มีหลายขั้นตอนที่ต้องพิจารณาเพื่อให้แผนงบประมาณที่จัดทำขึ้นมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจ โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนการจัดทำงบประมาณการผลิตจะเริ่มจากการพิจารณานโยบายและปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. นโยบายการขาย: ก่อนที่จะจัดทำงบประมาณการผลิตได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ นโยบายการขายของธุรกิจ โดยพิจารณาจากประมาณการยอดขายที่ทำนายไว้ในงบประมาณขาย เพื่อให้การผลิตมีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
2. นโยบายการผลิต: เมื่อทราบยอดขายที่ต้องการแล้ว ก็ต้องมากำหนดนโยบายการผลิตว่าจะผลิตสินค้าในปริมาณเท่าใด โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น กำลังการผลิตของโรงงาน ปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม ต้นทุนการผลิต และระยะเวลาในการผลิต
3. กำลังการผลิต: พิจารณาว่าโรงงานมีกำลังการผลิตเท่าใด สามารถผลิตสินค้าได้สูงสุดเท่าใด เพื่อให้การวางแผนการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ปริมาณสินค้าคงคลัง: กำหนดปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อการขาย แต่ไม่มากเกินไปจนเกินความจำเป็นและเกิดต้นทุนในการจัดเก็บ
5. ต้นทุนการผลิต: วิเคราะห์ต้นทุนการผลิตต่างๆ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าพลังงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาคำนวณต้นทุนการผลิตต่อหน่วยและนำไปใช้ในการจัดทำงบประมาณ
6. ระยะเวลาการผลิต: พิจารณาระยะเวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้าแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างเหมาะสมและทันต่อความต้องการของตลาด
7. ปัจจัยอื่นๆ: นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาในการจัดทำงบประมาณการผลิต เช่น สภาพเศรษฐกิจ สภาพการแข่งขัน เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว ก็สามารถนำข้อมูลที่ได้มาจัดทำงบประมาณการผลิตได้อย่างเหมาะสม โดยมีรายละเอียดต่างๆ เช่น ปริมาณการผลิต ต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายในการผลิตต่างๆ
1. นโยบายสินค้าคงคลัง
2. นโยบายกำลังการผลิต
3. นโยบายการผลิตเพื่อสต็อกหรือคำสั่งซื้อ
4. นโยบายต้นทุนการผลิต
5. นโยบายการส่งมอบสินค้า
6. นโยบายคุณภาพ
7. นโยบายด้านทรัพยากรบุคคล
1.เป้าหมายการผลิต
2.ความสามารถในการผลิต
นโยบายหลักที่ต้องพิจารณามีดังนี้
สินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
กำลังการผลิต (Production Capacity Policy)ประเมินกำลังการผลิตของโรงงานและทรัพยากรที่มีอยู
การจัดซื้อวัตถุดิบ (Raw Material Procurement Policy)กำหนดแหล่งที่มาของวัตถุดิบและเงื่อนไขการจัดซื้อวางแผนสั่งซื้อวัตถุดิบให้เหมาะสมกับแผนการผลิตต้นทุนและการควบคุมต้นทุน (Cost Control Policy)
ด้านแรงงานและทรัพยากรบุคคล (Workforce Policy)วางแผนอัตรากำลังคนให้เหมาะสมกับแผนการผลิต
ก่อนจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต ควรพิจารณา นโยบายสินค้าคงคลัง กำลังการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบ การควบคุมต้นทุน แนวโน้มตลาด และการควบคุมคุณภาพ เพื่อให้การผลิตสอดคล้องกับเป้าหมายยอดขาย มีต้นทุนที่เหมาะสม และสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.นโยบายสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
2. นโยบายกำลังการผลิต (Production Capacity Policy)
3. นโยบายต้นทุนการผลิต (Cost Control Policy)
4. นโยบายห่วงโซ่อุปทานและซัพพลายเออร์ (Supply Chain & Procurement Policy)
5. นโยบายคุณภาพและมาตรฐานการผลิต (Quality Control & Compliance Policy)
พิจารณานโยบายที่เกี่ยวกับ สินค้าคงคลัง, กำลังการผลิต, การจัดซื้อ, ต้นทุน และคุณภาพ เพื่อให้แผนผลิตมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมาย
ก่อนจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต ต้องพิจารณานโยบายสำคัญ เช่น สินค้าคงคลัง กำลังการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบ แรงงาน และคุณภาพการผลิต เพื่อให้การผลิตเป็นไปตามแผนการขายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
1.ยอดขายที่คาดการณ์ (Sales Forecast) – ตรวจสอบตัวเลขการขายที่คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด และต้องผลิตสินค้าจำนวนเท่าใดเพื่อตอบสนองความต้องการ
2. ระดับสินค้าคงคลัง (Inventory Levels) – พิจารณาว่ามีสินค้าสำเร็จรูปในสต็อกเพียงพอหรือไม่ และต้องผลิตเพิ่มมากน้อยเพียงใด
3. กำลังการผลิต (Production Capacity) – ตรวจสอบความสามารถของเครื่องจักร อุปกรณ์ และแรงงานว่าสามารถรองรับแผนการผลิตได้หรือไม่ มีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตหรือไม่
4. ความพร้อมของวัตถุดิบและซัพพลายเชน (Raw Materials & Supply Chain) – ตรวจสอบว่ามีวัตถุดิบเพียงพอหรือไม่ ซัพพลายเออร์สามารถส่งมอบได้ตามแผนหรือไม่ และมีปัญหาด้านต้นทุนหรือการขาดแคลนวัตถุดิบหรือไม่
5. ต้นทุนการผลิต (Production Costs) – พิจารณาต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปร และความสามารถในการควบคุมต้นทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงิน
6. ระยะเวลาการผลิต (Lead Time) – ตรวจสอบว่าระยะเวลาผลิตสอดคล้องกับความต้องการของตลาดหรือไม่ และต้องเผื่อเวลาสำหรับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น
7. ข้อจำกัดด้านแรงงาน (Labor Constraints) – ดูว่ามีแรงงานเพียงพอหรือไม่ และมีข้อจำกัดด้านทักษะหรือกฎหมายแรงงานที่ต้องคำนึงถึงหรือไม่
นโยบายฝ่ายขาย นโยบายฝ่ายจัดซื้อ นโยบายแรงงาน นโยบายการเงิน นโยบายด้านเทคโนโลยีและเครื่องจัก
นโยบายการตลาดและยอดขายเป้าหมาย – วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและกำหนดยอดขาย
2. นโยบายสินค้าคงคลัง – วางแผนระดับสต็อกให้เหมาะสม
3. นโยบายการเงินและต้นทุน – คำนวณต้นทุนและกระแสเงินสดที่จำเป็น
4. นโยบายกำลังการผลิต – ตรวจสอบศักยภาพเครื่องจักรและแรงงาน
5. นโยบายซัพพลายเชนและวัตถุดิบ – วางแผนจัดซื้อให้สอดคล้องกับการผลิต
6. นโยบายบริหารความเสี่ยง – ประเมินปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบการผลิต
4 นโยบายหลัก:
1. สินค้าคงคลัง
2. กำลังการผลิต
3. จัดหาวัตถุดิบ
4. ต้นทุนการผลิต
ก่อนที่จะจัดทำแผนงบประมาณการผลิตในธุรกิจการผลิต หลังจากที่แผนงบประมาณขายเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องพิจารณานโยบายหลายๆ ด้านที่สำคัญเพื่อให้แผนการผลิตมีความสมดุลและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและความสามารถในการผลิตขององค์กร ตัวอย่างของนโยบายที่ควรพิจารณามีดังนี้:
1. **นโยบายการผลิตและสต็อกสินค้า**: ต้องพิจารณาว่ามีการตั้งเป้าหมายในการรักษาระดับสต็อกสินค้าให้เพียงพอหรือไม่ เพื่อรองรับความต้องการจากแผนงบประมาณขาย โดยการคำนึงถึงการผลิตที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงการผลิตสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือล้นเกินไป
2. **นโยบายการใช้ทรัพยากร**: ต้องพิจารณาการใช้ทรัพยากรที่มี เช่น วัตถุดิบ, เครื่องจักร, และแรงงาน ว่ามีความสามารถในการรองรับการผลิตตามแผนขายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องประเมินถึงการขยายกำลังการผลิตหรือการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
3. **นโยบายการควบคุมคุณภาพ**: การผลิตจะต้องสอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพที่ตั้งไว้ ดังนั้น ต้องมีการพิจารณาว่าแผนการผลิตมีการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าและไม่ส่งผลกระทบต่อการขาย
4. **นโยบายการจัดการความเสี่ยง**: ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบ หรือความผิดพลาดในการผลิต เพื่อเตรียมแผนรับมือและประกันว่าการผลิตจะไม่หยุดชะงัก
5. **นโยบายด้านการปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต**: พิจารณาถึงการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการพัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรองรับการผลิตในอนาคต
การพิจารณานโยบายเหล่านี้จะช่วยให้แผนงบประมาณการผลิตสามารถสอดคล้องกับแผนงบประมาณการขายและสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในธุรกิจการผลิต เมื่อจัดทำแผนงบประมาณขาย (Sales Budget) แล้วเสร็จ ก่อนที่จะทำแผนงบประมาณการผลิต (Production Budget) จะต้องพิจารณานโยบายและปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้แผนการผลิตสามารถตอบสนองความต้องการของแผนขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนทำแผนงบประมาณการผลิต ได้แก่
1. นโยบายสต็อกสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
ต้องพิจารณาว่ามีการตั้งนโยบายเกี่ยวกับสต็อกสินค้าคงคลังที่เหมาะสม เช่น ควรมีสินค้าคงคลังในระดับใด เพื่อรองรับการขายและความต้องการของลูกค้า โดยไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดหรือสินค้าล้นเกิน
2. นโยบายการผลิต (Production Policy)
พิจารณานโยบายในการผลิต เช่น การผลิตตามคำสั่งซื้อ (Make to Order) หรือการผลิตล่วงหน้า (Make to Stock) ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณการผลิตที่ต้องการ
ควรพิจารณาระดับการผลิตที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถตอบสนองคำสั่งซื้อได้ทันเวลา โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาการผลิตล่าช้า
3. ความสามารถในการผลิต (Production Capacity)
ต้องประเมินความสามารถในการผลิตของโรงงานหรือเครื่องจักร หากมีข้อจำกัดในด้านกำลังการผลิต เช่น จำนวนเครื่องจักร วัตถุดิบ หรือแรงงานที่มีอยู่ ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาในการกำหนดปริมาณการผลิตที่เป็นไปได้จริง
4. นโยบายการปรับปรุงประสิทธิภาพ (Efficiency Improvement Policy)
พิจารณาการปรับปรุงกระบวนการผลิต เช่น การลดเวลาในการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักร หรือการลดของเสีย (waste) ในกระบวนการผลิต ซึ่งจะช่วยให้แผนงบประมาณการผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
5. ปัจจัยภายนอก (External Factors)
ต้องพิจารณาปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต เช่น การเปลี่ยนแปลงในราคาวัตถุดิบ, การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจต้องปรับแผนการผลิตให้เหมาะสม
6. เป้าหมายทางการเงิน (Financial Goals)
พิจารณาเป้าหมายทางการเงินของบริษัท เช่น กำไรที่ต้องการหรืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดงบประมาณการผลิต
เมื่อพิจารณานโยบายเหล่านี้แล้ว ฝ่ายการผลิตจะสามารถกำหนดปริมาณการผลิตที่ต้องทำและจัดทำแผนงบประมาณการผลิตได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนงบประมาณการขายที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน
พิจารณา นโยบายสำคัญก่อนการจัดทำแผนงบประมาณการผลิต ดังนี้
1.นโยบายสินค้าคงคลัง – กำหนดระดับสินค้าคงเหลือขั้นต่ำ-สูงสุด เพื่อป้องกันสินค้าขาดตลาดหรือค้างสต็อก
2.นโยบายการผลิต – เลือกรูปแบบการผลิต เช่น ผลิตตามคำสั่งซื้อ (MTO) หรือผลิตเพื่อเก็บสต็อก (MTS)
3.นโยบายการใช้กำลังการผลิต – วางแผนกำลังการผลิตให้เหมาะสมกับทรัพยากรและต้นทุน
4.นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ – วางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบให้สอดคล้องกับปริมาณการผลิต
5.นโยบายต้นทุนการผลิต – ควบคุมต้นทุนแรงงาน วัตถุดิบ และค่าใช้จ่ายการผลิตให้มีประสิทธิภาพ
นโยบายการผลิตและสต็อกสินค้า นโยบายต้นทุนการผลิต
นโยบายการใช้ทรัพยากร ปัจจัยภายนอก
นโยบายการผลิต (Production Policy): ต้องพิจารณานโยบายการผลิตของบริษัท เช่น การผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous production) หรือแบบสั่งผลิต (make-to-order) เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าและสามารถควบคุมสต็อกได้อย่างเหมาะสม
นโยบายการควบคุมต้นทุน (Cost Control Policy): การพิจารณานโยบายการควบคุมต้นทุนการผลิตเป็นสิ่งสำคัญในการจัดทำแผนงบประมาณการผลิต เช่น การประหยัดต้นทุนวัสดุ หรือการใช้แรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายการจัดการสต็อก (Inventory Management Policy): ต้องคำนึงถึงนโยบายการจัดการสต็อก เพื่อให้การผลิตสามารถสอดคล้องกับความต้องการในการขายได้ โดยไม่เกิดการขาดแคลนหรือเก็บสินค้าคงคลังมากเกินไป
นโยบายการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร (Technology and Machinery Policy): ต้องพิจารณานโยบายเกี่ยวกับการลงทุนในเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่อาจส่งผลต่อกำลังการผลิตหรือประสิทธิภาพในการผลิต
นโยบายการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Policy): การประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบ การขาดแคลนแรงงาน หรือปัญหาการจัดส่งสินค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต
ก่อนที่จะจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต หลังจากจัดทำ แผนงบประมาณขาย เสร็จแล้ว ธุรกิจการผลิตต้องพิจารณานโยบายสำคัญต่อไปนี้
1.นโยบายสินค้าคงคลัง
2.นโยบายกำลังการผลิต
3.นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ
4.นโยบายการจ้างแรงงาน
5.นโยบายความยืดหยุ่นของแผนการผลิต
6.นโยบายด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ
นโยบายจัดซื้อจัดจ้างเพื่อดูว่าสินค้าที่เราต้องการจะผลิตนั้นสามารถผลิตแล้วได้ต้นทุนตามที่เราคาดการณ์ไว้จริงไหม สามารถควบคุมต้นทุนให้ตรงกับที่คิดไว้ไหมเพราะในแต่ละปีมีโอกาศที่ต้นทุนส่วนวัตถุดิบจะสูงมากขึ้น
ในการจัดทำแผนงบประมาณการผลิตนั้น ต้องพิจารณานโยบายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องหลายประการก่อนการจัดทำแผน โดยทั่วไปจะต้องเริ่มจากการวางแผนงบประมาณการขายก่อน จากนั้นจึงไปจัดทำแผนงบประมาณการผลิต โดยต้องคำนึง
1. การคาดการณ์ยอดขาย: ประเมินความต้องการของตลาดเพื่อกำหนดเป้าหมายการขาย
2. นโยบายการผลิต: พิจารณากำลังการผลิต ความสามารถในการจัดหาและจัดเก็บวัตถุดิบ
3. งบประมาณการผลิต: วางแผนการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
4. การจัดสรรทรัพยากร: จัดการกำลังคน วัตถุดิบ และเครื่องจักรให้พร้อมสำหรับการผลิต
5. การตรวจสอบและปรับปรุง: มีการตรวจสอบแผนงบประมาณเป็นระยะและปรับปรุงตามความเหมาะสม
1.ฝ่ายการเงิน – เพื่อกำหนดงบประมาณรวมและกรอบการใช้เงิน
2.ฝ่ายผลิต – วางแผนต้นทุนการผลิตและทรัพยากรที่จำเป็น
3.ฝ่ายจัดซื้อ – วางแผนจัดหาและจัดซื้อวัตถุดิบ
4.ฝ่ายบุคคล – วางแผนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากร
5.ฝ่ายขาย – วางแผนเป้าหมายการขายและรายได้
นโยบายสินค้าคงคลัง นโยบายกำลังการผลิต นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ นโยบายต้นทุนการผลิต นโยบายการจัดสรรแรงงาน
นโยบายสินค้าคลัง
• กำหนดระดับสินค้าคงคลังขั้นต่ำ-สูงสุด
• ต้องการเก็บสินค้าสำเร็จรูปเพื่อรองรับอุปสงค์หรือผลิตตามคำสั่งซื้อ
2. นโยบายการจัดหาวัตถุดิบ
• ต้องมีสต็อกวัตถุดิบเพียงพอหรือใช้ระบบ Just-In-Time (JIT)
• เงื่อนไขการสั่งซื้อจากซัพพลายเออร์
3. นโยบายการใช้กำลังการผลิต
• ความสามารถของเครื่องจักรและแรงงาน
• การผลิตเต็มกำลังหรือเผื่อกำลังการผลิตไว้
4. นโยบายด้านแรงงาน
• ต้องจ้างแรงงานเพิ่มหรือลดการทำงานล่วงเวลา
• การใช้แรงงานประจำหรือชั่วคราว
5. นโยบายต้นทุนและการเงิน
• ต้นทุนการผลิตและต้นทุนการจัดเก็บ
• กระแสเงินสดสำหรับซื้อวัตถุดิบและจ่ายค่าแรง
6. ข้อจำกัดด้านซัพพลายเชน
• ระยะเวลาการจัดส่งวัตถุดิบ
• ความพร้อมของซัพพลายเออร์
1. นโยบายการขาย - ต้องพิจารณาแผนการขายที่กำหนดไว้ก่อน เพื่อให้แผนการผลิตสอดคล้องกับปริมาณและความต้องการของลูกค้า เช่น การตั้งเป้าหมายยอดขายที่ต้องการหรือคาดการณ์ความต้องการของตลาด
2. นโยบายการควบคุมสินค้าคงคลัง - กำหนดระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม (ขั้นต่ำและสูงสุด) เพื่อให้การผลิตสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้โดยไม่เกินปริมาณที่เก็บในคลัง
3. นโยบายการจัดหาวัตถุดิบและทรัพยากร - พิจารณานโยบายการจัดหาวัตถุดิบให้เพียงพอต่อการผลิต โดยคำนึงถึงราคาวัตถุดิบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
4. นโยบายการใช้ทรัพยากร (เครื่องจักร, แรงงาน) - คำนึงถึงการใช้เครื่องจักรและแรงงานในการผลิต โดยการวางแผนใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
5. นโยบายการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาด - ถ้าคาดการณ์ได้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในความต้องการตลาด การผลิตต้องสามารถปรับแผนได้ทันทีเพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนหรือเกินการผลิต
1. นโยบายการขาย - ต้องพิจารณาแผนการขายที่กำหนดไว้ก่อน เพื่อให้แผนการผลิตสอดคล้องกับปริมาณและความต้องการของลูกค้า เช่น การตั้งเป้าหมายยอดขายที่ต้องการหรือคาดการณ์ความต้องการของตลาด
2. นโยบายการควบคุมสินค้าคงคลัง - กำหนดระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม (ขั้นต่ำและสูงสุด) เพื่อให้การผลิตสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้โดยไม่เกินปริมาณที่เก็บในคลัง
3. นโยบายการจัดหาวัตถุดิบและทรัพยากร - พิจารณานโยบายการจัดหาวัตถุดิบให้เพียงพอต่อการผลิต โดยคำนึงถึงราคาวัตถุดิบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
4. นโยบายการใช้ทรัพยากร (เครื่องจักร, แรงงาน) - คำนึงถึงการใช้เครื่องจักรและแรงงานในการผลิต โดยการวางแผนใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
5. นโยบายการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาด - ถ้าคาดการณ์ได้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในความต้องการตลาด การผลิตต้องสามารถปรับแผนได้ทันทีเพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนหรือเกินการผลิต
ก่อนจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต หลังจากกำหนด แผนงบประมาณขาย แล้ว ควรพิจารณานโยบายหลักๆ ดังนี้:
1. นโยบายสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
• กำหนดปริมาณสินค้าคงเหลือขั้นต่ำและสูงสุดที่เหมาะสม
• ตัดสินใจว่าต้องการผลิตเพื่อสต็อก (Make-to-Stock) หรือผลิตตามคำสั่งซื้อ (Make-to-Order)
2. นโยบายกำลังการผลิต (Production Capacity Policy)
• ตรวจสอบความสามารถของเครื่องจักรและกำลังคน
• พิจารณาว่าต้องเพิ่มกะการทำงาน หรือจ้างพนักงานเพิ่มหรือไม่
3. นโยบายวัตถุดิบและการจัดซื้อ (Raw Material & Procurement Policy)
• วางแผนจัดซื้อวัตถุดิบให้เพียงพอและตรงตามเวลา
• พิจารณาราคาต้นทุนและความพร้อมของซัพพลายเออร์
4. นโยบายต้นทุนการผลิต (Cost Control Policy)
• วางแผนให้ต้นทุนการผลิตสอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้
• ลดของเสีย (Waste) และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
5. นโยบายคุณภาพสินค้า (Quality Policy)
• ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าว่าต้องสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
• ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนของการผลิต
ในการจัดทำ **แผนงบประมาณการขาย** แล้วเสร็จ ก่อนจะไปจัดทำ **แผนงบประมาณการผลิต** ในธุรกิจการผลิต จำเป็นต้องพิจารณา **นโยบายหลักที่สำคัญ** ดังต่อไปนี้:
### **1. นโยบายสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)**
- ต้องกำหนดระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม ไม่ให้มีมากเกินไปจนเป็นต้นทุนจม หรือมีน้อยเกินไปจนขาดสต็อก
- กำหนด **ขั้นต่ำ (Minimum Stock), สูงสุด (Maximum Stock)** และ **ปริมาณสำรอง (Safety Stock)**
- พิจารณานโยบาย **ผลิตตามคำสั่งซื้อ (Make to Order)** หรือ **ผลิตเพื่อเก็บสต็อก (Make to Stock)**
### **2. นโยบายกำลังการผลิต (Production Capacity Policy)**
- วิเคราะห์กำลังการผลิตของโรงงาน เครื่องจักร และแรงงาน ว่าสามารถรองรับแผนการผลิตได้หรือไม่
- พิจารณาว่าจะใช้ **กำลังการผลิตเต็มที่ (Full Capacity)** หรือ **มีการสำรองกำลังการผลิต (Buffer Capacity)**
- หากความต้องการผลิตเกินขีดความสามารถ ต้องพิจารณาการ **จ้างผลิตภายนอก (Outsourcing)** หรือ **เพิ่มกะการทำงาน**
### **3. นโยบายวัตถุดิบและการจัดซื้อ (Raw Material & Procurement Policy)**
- ตรวจสอบปริมาณวัตถุดิบที่มีอยู่ และกำหนดปริมาณสั่งซื้อให้สอดคล้องกับแผนการผลิต
- พิจารณาว่าจะใช้ **การสั่งซื้อแบบ Just in Time (JIT)** หรือ **สต็อกวัตถุดิบสำรอง**
- พิจารณาว่ามี **ซัพพลายเออร์เพียงพอหรือไม่** เพื่อรองรับปริมาณการผลิต
### **4. นโยบายต้นทุนการผลิต (Production Cost Policy)**
- วิเคราะห์ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต
- วางแผนลดต้นทุน เช่น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย หรือหาวัตถุดิบทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่า
- คำนึงถึง **ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) และต้นทุนคงที่ (Fixed Cost)** ในการผลิต
### **5. นโยบายด้านแรงงานและทรัพยากรบุคคล (Labor & HR Policy)**
- วิเคราะห์กำลังคนที่จำเป็นต่อการผลิต และพิจารณาว่าจำเป็นต้องจ้างพนักงานเพิ่มหรือไม่
- วางแผนโอที (OT) หรือปรับการใช้แรงงานให้เหมาะสมกับแผนการผลิต
- พิจารณานโยบายเกี่ยวกับการจ้างพนักงานประจำ หรือใช้แรงงานชั่วคราวตามฤดูกาล
### **6. นโยบายด้านเครื่องจักรและการบำรุงรักษา (Machinery & Maintenance Policy)**
- วางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรเพื่อป้องกันการหยุดชะงักของการผลิต
- พิจารณาการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ หากกำลังการผลิตปัจจุบันไม่เพียงพอ
### **7. นโยบายด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้า (Quality Control Policy)**
- กำหนดมาตรฐานการผลิตให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
- พิจารณาระบบควบคุมคุณภาพ (Quality Control) เพื่อลดของเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
---
### **สรุปลำดับก่อนวางแผนงบประมาณการผลิต**
1. ตรวจสอบ **นโยบายสินค้าคงคลัง** – คำนวณว่าต้องผลิตเพิ่มเท่าไหร่
2. วิเคราะห์ **กำลังการผลิต** – เช็คความสามารถของโรงงานและแรงงาน
3. ตรวจสอบ **วัตถุดิบและซัพพลายเชน** – มีเพียงพอหรือไม่
4. ประเมิน **ต้นทุนการผลิต** – ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน
5. วางแผน **กำลังคนและเครื่องจักร** – มีพนักงานและเครื่องจักรเพียงพอหรือไม่
6. คำนึงถึง **คุณภาพสินค้า** – เพื่อรักษามาตรฐานและความพึงพอใจของลูกค้า
หากทุกนโยบายถูกกำหนดชัดเจนแล้ว จึงสามารถไปจัดทำแผนงบประมาณการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ! 🚀
นโยบายด้านการจัดซื้อ
นโยบายการจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบ และการวางแผนการผลิตในเรื่องของ Capacity
การจัดการคลังสินค้าการควบคุมต้นทุนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องวิเคราะห์ 3 ปัจจัยนี้เพื่อที่จะช่วยในการวางแผนงบประมาณในการผลิตได้อย่างสมบูรณ์
นโยบายเกี่ยวกับสถานที่จัดจำหน่าย
ก่อนจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต บริษัทต้องพิจารณา 6 นโยบายหลัก ได้แก่ นโยบายสินค้าคงคลัง, กำลังการผลิต, การจัดซื้อวัตถุดิบ, แรงงาน, ต้นทุนการผลิต และการบริหารคำสั่งซื้อ เพื่อให้แผนการผลิตสามารถรองรับยอดขายที่คาดการณ์ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แผนการหา resources ต่างๆ โดยจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ก่อนจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต หลังจากเสร็จสิ้น แผนงบประมาณขาย ต้องพิจารณานโยบายที่สำคัญต่อการผลิต ได้แก่:
1. นโยบายสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
กำหนดระดับสินค้าคงเหลือขั้นต่ำ-สูงสุด
วางแผนการผลิตให้เหมาะสมกับสินค้าคงเหลือ
2. นโยบายกำลังการผลิต (Production Capacity Policy)
ตรวจสอบกำลังการผลิตของเครื่องจักรและแรงงาน
วางแผนให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่
3. นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ (Procurement Policy)
กำหนดปริมาณการสั่งซื้อและระยะเวลาจัดหา
ตรวจสอบความพร้อมของซัพพลายเออร์
4. นโยบายการบริหารต้นทุนการผลิต (Cost Management Policy)
วิเคราะห์ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต
ควบคุมต้นทุนให้เป็นไปตามงบประมาณ
5. นโยบายคุณภาพสินค้า (Quality Policy)
กำหนดมาตรฐานคุณภาพสินค้า
วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพ
6. นโยบายการบริหารแรงงาน (Labor Management Policy)
วางแผนกำลังคนที่ต้องใช้
พิจารณาค่าแรงและสวัสดิการให้เหมาะสม
ก่อนจัดทำแผนงบประมาณการผลิต ธุรกิจต้องพิจารณานโยบายสำคัญ เช่น สินค้าคงเหลือ กำลังการผลิต การบริหารวัตถุดิบ แรงงาน ต้นทุน และคุณภาพ เพื่อให้การผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม
ก่อนจัดทำแผนงบประมาณการผลิต หลังจากที่แผนงบประมาณขายแล้วเสร็จ ธุรกิจการผลิตจำเป็นต้องพิจารณานโยบายหลัก ๆ ดังต่อไปนี้:
1. นโยบายสินค้าคงคลัง
• ระดับสินค้าคงเหลือขั้นต่ำและสูงสุดที่บริษัทต้องการ
• นโยบายการจัดเก็บสินค้าคงคลัง เช่น ระบบ Just-In-Time (JIT) หรือระบบสำรองสต็อก
• การคาดการณ์ความต้องการสินค้าเพื่อป้องกันปัญหาของขาดหรือสินค้าคงเหลือมากเกินไป
2. นโยบายกำลังการผลิต
• ขีดความสามารถของโรงงานและเครื่องจักร
• การวางแผนกำลังคนและการทำงานล่วงเวลา
• ความสามารถในการขยายหรือปรับลดกำลังการผลิตตามความต้องการ
3. นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ
• การกำหนดระดับวัตถุดิบคงคลัง
• การบริหารซัพพลายเชนและเงื่อนไขการจัดซื้อ
• ระยะเวลานำเข้าวัตถุดิบ (Lead Time)
4. นโยบายด้านต้นทุนและงบประมาณ
• การควบคุมต้นทุนการผลิต
• เป้าหมายด้านต้นทุนต่อหน่วยสินค้า
• การวางแผนต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร
5. นโยบายด้านคุณภาพ
• มาตรฐานคุณภาพที่ต้องการ
• การควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิต
• นโยบายลดของเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
เมื่อพิจารณานโยบายเหล่านี้แล้ว ธุรกิจจึงสามารถจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต ให้สอดคล้องกับแผนงบประมาณขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายที่ต้องพิจารณาก่อนจัดทำแผนงบประมาณการผลิต
หลังจากจัดทำ แผนงบประมาณขาย แล้วเสร็จ ก่อนที่จะไปสู่ แผนงบประมาณการผลิต บริษัทต้องพิจารณานโยบายสำคัญต่างๆ เพื่อให้การผลิตสอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายและความสามารถในการดำเนินงานขององค์กร
1. นโยบายระดับสินค้าคงคลัง (Inventory Policy)
• กำหนดระดับ สินค้าคงคลังขั้นต่ำ (Minimum Inventory Level) และ สูงสุด (Maximum Inventory Level) ที่เหมาะสม
• ตัดสินใจว่าจะใช้ Make-to-Stock (ผลิตเพื่อเก็บสต็อก) หรือ Make-to-Order (ผลิตตามคำสั่งซื้อ)
• คำนึงถึง ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้า (Storage Cost) และต้นทุนขาดสต็อก (Stockout Cost)
2. นโยบายกำลังการผลิต (Production Capacity Policy)
• ตรวจสอบความสามารถของเครื่องจักรและสายการผลิตว่ารองรับปริมาณการผลิตที่ต้องการได้หรือไม่
• ประเมินการใช้ทรัพยากร เช่น แรงงาน วัตถุดิบ และพลังงาน ให้เหมาะสมกับเป้าหมายยอดขาย
• พิจารณาว่าจำเป็นต้อง เพิ่มกะการทำงาน (Overtime) หรือ จ้างผลิตภายนอก (Outsourcing) หรือไม่
3. นโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบ (Procurement Policy)
• วางแผนการ จัดซื้อวัตถุดิบ ให้สอดคล้องกับแผนการผลิต
• กำหนด จุดสั่งซื้อขั้นต่ำ (Reorder Point - ROP) และปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม (Economic Order Quantity - EOQ)
• เจรจากับซัพพลายเออร์เกี่ยวกับระยะเวลาการส่งมอบและต้นทุน
4. นโยบายต้นทุนการผลิต (Cost Management Policy)
• กำหนด ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ให้เหมาะสมเพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต
• พิจารณาการลดของเสีย (Waste Reduction) และการปรับปรุงกระบวนการผลิต (Process Improvement)
• บริหาร ต้นทุนผันแปร (Variable Costs) และ ต้นทุนคงที่ (Fixed Costs) ให้มีประสิทธิภาพ
5. นโยบายด้านแรงงาน (Workforce Policy)
• วางแผน จำนวนพนักงานที่ต้องใช้ ให้เหมาะสมกับปริมาณการผลิต
• จัดสรร กะการทำงาน (Shift Planning) และพิจารณาการใช้ พนักงานชั่วคราว (Temporary Workers) หากจำเป็น
• พิจารณาค่าแรงและสวัสดิการให้เหมาะสมกับต้นทุนที่บริษัทสามารถรับได้
6. นโยบายคุณภาพและมาตรฐานการผลิต (Quality Control Policy)
• กำหนด มาตรฐานคุณภาพ (Quality Standards) ของสินค้าที่ผลิต
• พิจารณาการ ควบคุมคุณภาพ (Quality Control - QC) และการตรวจสอบคุณภาพ (Quality Assurance - QA) เพื่อลดของเสีย
• ตรวจสอบข้อกำหนดด้านกฎหมาย หรือมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
สรุป:
ก่อนที่จะจัดทำ แผนงบประมาณการผลิต บริษัทต้องพิจารณานโยบายหลัก เช่น สินค้าคงคลัง, กำลังการผลิต, การจัดซื้อวัตถุดิบ, ต้นทุนการผลิต, แรงงาน และคุณภาพสินค้า เพื่อให้การผลิตสอดคล้องกับยอดขายที่คาดการณ์ และลดความเสี่ยงด้านต้นทุนและทรัพยากร.