Like a rose under the April snow

Like a Rose under the April Snow

 

 

ฉันฝันถึงเธอ คนที่อยู่ไกลแสนไกล

ช่างหวานละมุน อบอุ่นข้างในหัวใจ

แต่อายไม่กล้าแม้นจะบอกกับใคร

จึงจูบผ่านสายลม ให้พัดพาไป

 

 

 

ถึง ต้นสน ธาเลีย, ที่รัก
ส่งไปที่ ค่ายฮาล์ฟบลัด ลองไอส์แลนด์ 
NY

 

1

“แม่ไม่เคยสัญญาว่าจะกลับมา”

ฉันไม่เคยเขียนถึงเธอเลยนะ แต่ว่าวันนี้ได้รับเสียงสัญญาณกระดิ่งระฆังดังเตือนให้ฉันได้เขียนจดหมายฝากไปถึงเธอ

ฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่ซึ่งความปลอดภัยเป็นสายใยโยงของเราค่ายฮาฟบลัดนั่นไง ฉันได้ยินเรื่องราวที่เธอเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องชาวค่ายไว้ ต่อมาถึงถวายตัวเป็นพรานแห่งอาร์เทมิส ผู้รับใช้เทวีจันทรา ซึ่งมีสถานะอมตะตลอดกาลนาน ฉันเองก็มีส่วนเสี้ยวที่พร้อมอุทิศตนและกายใจจิตวิญญาณแก่พระเทวีแห่งการล่า ผู้ปกป้องฝูงกวาง ผู้เป็นแสงสว่างนำทางในยามราตรี เช่นเดียวกับเธอ ธาเลีย ขอให้จดหมายฉบับนี้ ส่งข้ามกาลเวลาอวกาศไปถึงต้นไม้ที่รัก

ฉันได้รับรู้เรื่องราวจากลูซี่ เกรย์แล้วว่าเหตุการณ์จราจลในเขตสิบสองทำให้ชาวคัฟวี่ต้องงดการแสดงสดไป ครอบครัวของเราถูกสั่งห้ามเล่นดนตรีที่เราแต่งเอง มีเพียงเพลงจากแคปปิตอลเท่านั้นที่ถูกอนุญาติให้เล่นวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาจนฉันปวดหัว สิ่งที่ฆ่าคนเราไม่ใช่ความน่าเบื่อซ้ำซากจำเจหรอก แต่เป็นความแข็งเกร็งแข็งทื่อไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์เพราะว่าเป็นเรื่องชินชาธรรมดาเสียแล้ว เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็เอาแต่บอกให้เงียบและกดข่มความรู้สึกให้เนียนกริบที่สุด ไม่อนุญาติให้มีการระบายสีสันมากเท่าใดนัก ก็ไม่มีอะไรผิดหรอกนะ หากเอะอะมะเทิงมากไปอาจต้องมีผู้บริสุทธิ์ตายแทนเป็นแพะรับบาปก็เป็นได้ ตั้งแต่สีเทาหายไปฉันก็เอาแต่คิดว่าเธอจะได้พบกับธาเลียที่แดนทุ่งหญ้าที่ไปพ้นความผิดถูกบ้างไหม หรือต้องผ่านพิธีกรรมธรรมดาที่ช่วยย้ำเตือนและระลึกถึงว่าเราเป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะไปไหน ทุกครั้งที่ฉันเศร้าซึมมักจะสวมเสื้อคลุมของแม่ แม้กลิ่นจะจางหายไปแต่ความอบอุ่นและความรู้สึกดีที่มีอ้อมกอดคนที่รักเรารออยู่

 

 

Are You, Are You Coming to the tree?

Where I told you to run, So we’d both be free

Strange things did happen here, no stranger would it be

If we met at midnight in the hanging tree

 

 

2

“ดอกกุหลาบสีชาด แต่ดอกไวโอเล็ตสีเส้า”

เพลงต้นไม้แขวนคอที่ลูซี่เกรย์เป็นผู้ประพันธ์มีรากฐานกำเนิดมาจากตำนานผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ ต้องการล่วงรู้ความลับที่พระราชาเก็บงำไว้ จึงผูกขาตัวเองหนึ่งข้างไว้กับต้นไม้แล้วห้อยหัวลงมา หวังว่าจะได้มองโลกใบเดิมในมุมมองใหม่ โดยห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาสามวันสามคืน ไม่กินไม่ดื่ม จนกระทั่งเชือกที่ผูกขาขาดผึงเนื่องจากกระรอกแทะ ชายชราคนนั้นจึงตระหนักความจริงที่ว่าเขานั่นแหละที่เป็นกระรอกที่ช่วยชีวิตคนแขวนคอที่เป็นพระราชาแทน

เธออาจจะยังงงกับเรื่องราวนี้หากได้ยินเป็นครั้งแรก เพราะฉันเองก็งงงวยเหมือนกัน ชายเฒ่าเป็นบ้าหรือ จึงท้าทายตัวเองโดยการห้อยโหนตัวเองไว้แบบนั้น แล้วยังอีกท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงที่บอกว่า มีเรื่องแปลกๆ มากมายเกิดขึ้นที่นี่ และมันก็คงไม่ประหลาดจนเกินไป หากเราได้มาพบกันที่ต้นไม้ยามเที่ยงคืนฉันว่าเที่ยงคืนอาจจะหมายถึงความตายก็ได้นะ เวลานาฬิกาคุณปู่โครนอสเรือนใหญ่ตีครบสิบสองครั้ง ความทรงจำในวัยเด็กก็พลันไหลกลับเข้ามาสู่ตัวฉัน ซินเดอเรลล่ามีเวลาแค่ถึงเที่ยงคืนเท่านั้นที่จะเต้นรำกับเจ้าชายหนุ่มน้อยมหาอุปราช หลังจากนั้นเธอจะกลับคืนร่างที่แท้จริงที่อาจไม่ดึงดูดสายตายผู้พบเห็นอีกต่อไป หากดอกกุหลาบคือความรักที่มีหนามเหมือนมัทนพาธา ดอกไวโอเล็ตสีน้ำครามผู้เซื่องซึมก็คงเป็นสิ่งที่อยู่ด้านตรงข้ามของความรักนั้น

 

 

 

 

Like a rose under the April snow

I was always certain love would grow

Love ageless and evergreen

Seldom seen by two

Evergreen – Barbara Streisand

 

3

“ให้เธอเรียกฉันว่าสายลมที่หวังดี”

ฮัมตี้ดัมตี้ นั่งอยู่บนกำแพง ฮัมตี้ดัมตี้ ไม่ระวังจึงตกลงมาจากกำแพงจนแตกสลาย ดูเหมือนว่าสายลมและโชคชะตาจะไม่เข้าข้างเจ้าไข่เลยนะ ฉันเคยคิดว่าทำไมฮัมตี้ดัมตี้ถึงเอาแต่กลัว ไม่ยอมกลิ้งลงมาจากกำแพงดีๆ ในวันที่ทำได้ แต่เขาก็กลัวว่าเปลือกไข่จะบอบบางเหมือนดอกแดนดิไลออน นานวันเข้าไปจึงถูกลมพายุปะทะพัดพาให้ลงมาจากหอคอยแกมพัง

ฉันจำได้ลางๆ ว่าเธอชอบฟังเพลงนี้ อาจจะถูกหรือผิดก็ไม่รู้นะ ฉันอาจเป็นสายฝนเมื่อเธอร้อนใจ อบอุ่นเหมือนไฟเมื่อเธอเหน็บหนาว อาจเป็นดนตรีกล่อมเธอเมื่อเหงา อาจเป็นแสงดาวให้เธอแหงนมอง ดนตรี ภาษาและศิลปะ เป็นลูกเล่นของผู้คนเสมอมา เสียงระฆังแห่งนักรักษาสันติภาพและความเป็นธรรมต่อทุกชีวิตจะดังกึกก้องไปทั่วผืนปฐพี ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดบนโลกใบนี้ก็ตาม ผู้ที่เปล่งวาจาแห่งสันติ มิว่าจะสำเนียงเสนาะจากกำพืดเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม ย่อมได้รับการขานรับจากหัวใจบริสุทธิ์แห่งสันติภาพเสมอ เพราะธาตุทั้งสี่นี่เอง ดิน น้ำ ลม ไฟ ฉันจึงได้เห็นการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของนักสร้างรูปพยนต์ นักเชิดหุ่น ที่สร้างละครชุดฝาแฝดสี่อันเริ่มต้นมาจาก ธาราหิมาลัย ฉันยังจำวรรณกรรมทุกเล่มที่ผ่านตาและประทับลงในหัวใจได้อยู่เสมอ เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น ฉันจึงมีตัวตนอยู่ ขอบคุณทุกสรรพชีวินที่ทำให้ฉันมีข้าวกิน มีบ้านนอน และมีเวลาว่างมากพอจะมอบสิ่งที่มีค่ามากที่สุดกลับคืนแก่มนุษยชาติ นั่นคือ เวลาที่ดี ภัทรกาลกัลป์

ฉันมิต้องการสิ่งใดตอบแทนนอกจากให้เธอรักและประจักษ์แจ้งหรือประจักษ์หม่น และเดินทางร่วมกับทุกกาลเวลา

เพราะทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา สายใจสัมพันธ์เราไม่มีทางหรอกที่จะเป็นมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวได้ตลอดไป

 

Perry the Prophet

17.11.2023

 

 

PerrysJourney มนตรากร กระบวนกร นักเล่นแร่แปรภาษา Mystic Facilitator Alchemist
เขียน 17 พ.ย. 2566 14:14
ปรับแก้ 17 พ.ย. 2566 14:17