ผมเชื่อเรื่องความเป็นหนึ่งเดียว ไม่แยกส่วน เราเกิดมาจากจุดกำเนิดเดียวกัน ทุกคนมีการเชื่อมต่อระหว่างพลังงาน และพลังงานเหล่านี้เชื่อมต่อกับแกนจักรวาล ซึ่งแต่ละคนเรียกแตกต่างกันไปตามมุมมองและชื่อแห่งสมมติบัญญัติ เช่น พระเจ้า, พระธรรมชาติ, พรหมัน, ความว่าง, อากาสา, คุรุ, สิ่งๆ หนึ่ง, เหตุปัจจัย, เขาพระสุเมรุ เป็นต้น
การตื่นรู้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ปัญญาเป็นส่วนประกอบ คนเราตื่นรู้ในทุกๆ วัน และเมื่อตื่นแล้วก็ยังตื่นได้อีกไม่รู้จบ
แต่จะมี "ผู้ตื่นรู้" สักกี่คน ที่จะยอม connect เชื่อมต่อกันและกันด้วยความรักความเข้าใจ อยู่กันด้วยความรู้รักสามัคคี เพราะสิ่งที่ปรากฏพบเห็นก็คือต่างฝ่ายต่างก็เปิดตัวเป็นเจ้าสำนัก สะสมสานุศิษย์มากมายรอบตัวให้เกิดการยึดติดตัวบุคคล และแยกพวก แยกเหล่า ด้วยทัศนะที่แยกส่วน ราวกับว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันแต่อย่างใด เกิดเป็นกลุ่มโลกสวย กลุ่มโลกแตก กลุ่มเทพ กลุ่มมาร กลุ่มนิกายสำนักโน้นสำนักนี้ สำนักกู สำนักมึง
เมื่อยึดมั่นถือมั่นว่า อิทะ เมวะ สัจจัง โมฆะมัญญัง (ของฉันนี้เท่านั้นจริง ของคนอื่นผิดหมด) ก็เกิดการแบ่งแยก แข่งขัน ไม่ไว้ใจกัน และจ้องทำลายกันในที่สุด
ถ้ารู้รักสามัคคีไม่ได้ ไม่ยอมรับในเอกภาพบนความแตกต่าง oneness ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะแต่ละฝ่ายล้วน "อยาก" ให้คนอื่นๆ กลุ่มอื่นๆ เป็นไปดั่งใจของตนเอง
We are the one คือ เราเป็นหนึ่งเดียวกัน บางคนเป็นแขน บางคนเป็นขา บางคนเป็นหัว ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร และขาดใครไปจะรู้สึก เพราะเราเป็นร่างกายเดียวกัน เราไม่อาจมีความสุขได้ในขณะที่คนอื่นในสังคมที่เป็นเพื่อนเรายังทุกข์ยากลำบากอยู่ จะดีจะเลว จะถูกจะผิดก็เพื่อนเรา
วิถีของเพื่อนที่รู้รักสามัคคีเช่นนี้แหละครับคือ Oneness หรือ We are the one หรือ We are the world แล้วแต่สมมติบัญญัติ
"แม้จะต่างความถี่ แต่ก็อยู่ด้วยกันได้"
สามารถร่วมคิด ร่วมรู้สึก ร่วมทำ ด้วยกันได้
ทำน้อย ทำมาก ไม่ว่ากัน เพราะเราเป็นเพื่อนกัน
แต่ละคนล้วนมีหน้าที่ต่างกัน มีข้อจำกัดต่างกัน
เมื่อรู้และเข้าใจกัน ก็รวมใจกันเป็นหนึ่งได้
นี่แหละครับ... เอกภาพบนความหลากหลายของสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า Oneness แท้จริงแล้วมันก็คือ วิถีที่เรียบง่ายและสุดแสนจะธรรมดานี่เอง
#ขอมอบให้ทุกดวงจิตวิญญาณอันเก่าแก่
#ขอมอบให้บรรดาผู้ตื่นรู้ที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานทางจิตวิญญาณ
#ขอบคุณผู้ชี้
#ขอบคุณเพื่อนผู้มีธรรมเป็นกัลยาณมิตร