ขันธ์ 5 มีไว้ใช้ร่วมกัน

ขันธ์ห้ามีไว้ใช้ร่วมกัน

........Oneness.........

____________________❤

 

พระพุทธองค์สอนว่า "ขันธ์ห้า" ได้แก่ ร่างกาย ความรู้สึก ความจำ ความคิด ความรับรู้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา

 

เมื่อไม่ใช่ของเรา

แล้วมันเป็นของๆ ใครล่ะ?

 

เมื่อไม่ใช่ "ของส่วนตัว"

ก็เป็น "ของสาธารณะ" หน่ะสิ

 

ขันธ์ห้าจึงเป็น "ของสาธารณะ"

ฟังอย่างนี้แล้วอาจจะรู้สึกงงๆ

เดี๋ยวค่อยๆ อธิบายให้ฟัง...

 

(1) รูปขันธ์ คือ กองร่างกาย 

เป็นที่ประชุมกันของธาตุ 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ใช่ไหม

 

- เมื่อเอาดินของแต่ละคนมารวมกันก็เป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ใช่ไหม

- เมื่อเอาน้ำของแต่ละคนมารวมกันก็เป็นมหานทีเป็นมหาสมุทสุดลูกหูลูกตาใช่ไหม

- เมื่อเอาลมของแต่ละคนมารวมกันก็เป็นมวลอากาศ เป็นลม เป็นพายุ ที่แทรกซึมอยู่ทุกชั้นบรรยากาศใช่ไหม

- เมื่อเอาไฟของแต่ละคนมารวมกันก็เป็นอุณหภูมิ เป็นกองไฟ เป็นดวงอาทิตย์ เป็นหมอกเพลิง เป็นซุปเปอร์โนวาร์ที่แตกปะทุทั่วจักรวาลใช่ไหม

 

(2) เวทนาขันธ์ คือ มวลความรู้สึก

เป็นมวลพลังงานของความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ เมื่อนำความรู้สึกของทุกคนมารวมกัน มันก็คือมวลความรู้สึกก้อนใหญ่ๆ ที่รับรู้ร่วมกันใช่ไหม

 

(3) สัญญาขันธ์ คือ แหล่งความจำ

เป็นแหล่งบรรจุข้อมูล (data) ที่เป็นนามธรรม ทุกการบันทึกถูกแปลงเป็นพื้นที่ของเวลากับสถานการณ์หนึ่งๆ เหมือนเอาฟีล์มหรือพิ๊กเซลมาต่อกัน โดยมีพื้นที่เก็บและรักษาข้อมูลอย่างเป็นอนันต์ เป็น flactal ในธรรมชาติ เมื่อเอาแหล่งข้อมูลที่เป็นความจำของทุกคนมารวมกัน มันก็คือฐานข้อมูลความจำขนาดใหญ่ที่มีต่อปรากฏการณ์ในชีวิตทั้งภายในและภายนอกใช่ไหม

 

(4) สังขารขันธ์ คือ ระบบความคิด

เป็นธรรมชาติของการปรุงแต่งทั้งในทางสรรสร้างและทำลาย ทำหน้าที่ประมวลสิ่งต่างๆ แปรผลออกมาเป็นปริมาณ เป็นคุณภาพ เป็นความสัมพันธ์ เป็นระบบตรรกะ สัญลักษณ์ และภาษา เมื่อเอาความคิดของแต่ละคนมารวมกัน มันก็คือระบบ AI ขนาดใหญ่ที่ช่วยประมวลผลข้อมูลตามกลไกของสมองที่มีต่อสิ่งเร้าใช่ไหม

 

(5) วิญญาณขันธ์ คือ การรับรู้

เป็นธรรมชาติของการ "รับรู้" ที่ประติดประต่อกันเป็นลูกโซ่ เสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยว...วินาที (อย่างเป็นอนันต์) ที่เชื่อมต่อกันไม่ขาดสาย (สันตติ) 

วิญญาณขันธ์นี้ เกิดขึ้นเพราะ "การยึด" ยึดว่าเป็นเรา เป็นของๆ เรา เมื่อยึด วิญญาณจึงเกิดขึ้น ขันธ์อื่นๆ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร จึงเกิดขึ้นตามมา เมื่อรวมทุกการรับรู้ทางจิตวิญญาณของแต่ละคนเข้ามารวมกัน โลกทั้งใบก็ไร้พรมแดน ไร้การแบ่งแยก ไร้ชนชั้น 

 

ประชากร 7,000 ล้านคนทั่วโลก

7,000 ล้านรูปขันธ์ รวมกันก็ได้ 1 รูปขันธ์

7,000 ล้านเวทนา รวมกันก็ได้ 1 เวทนา

7,000 ล้านสัญญา รวมกันก็ได้ 1 สัญญา

7,000 ล้านสังขาร รวมกันก็ได้ 1 สังขาร

7,000 ล้านวิญญาณ รวมกันก็ได้ 1 วิญญาณ

 

สิ่งที่รวมกันนี้เรียกว่า 

"การเชื่อมต่อจักรวาล" 

(connected universe) 

เป็นจักรวาลภายใน ได้แก่ ขันธ์ 5

เป็นการ Oneness กับผู้อื่น

โดยการปล่อยวางขันธ์ห้า

ให้เป็นของสาธารณะ

 

การ Oneness กับผู้อื่น จึงได้แก่ การมีความรู้สึกร่วมกันด้วยความรักความเข้าใจ ยอมรับว่าสิ่งใดที่ใครทำไว้ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย เพราะแต่ละคนต่างก็ยึดโยง มีผลต่อกันและกันในเชิงของพลังงาน

 

ไม่ใช่จะเอาแต่บวก ปฏิเสธลบ 

คิดเอาแต่ผลประโยชน์เข้าตัว

ถ้าเสียผลประโยชน์ฉันไม่เอา

 

เราไม่รู้สึกตัวหรอกว่า

ในวันที่เราขาดสติ

เราได้ผลิตมวลของพลังงาน

ในรูปแบบใดออกไปในที่สาธารณะ 

จนเกิดการผลิตซ้ำ ต่อยอด 

กระทบกระทั่งจนเสียสมดุล

 

เราไม่รู้สึกตัวหรอกว่า ทุกความรู้สึกนึกคิด เช่น ความกลัวกังวล ความหวาดระแวง ความรู้สึกไม่มั่นคง ความดีใจ เสียใจ อิจฉาริษยา ความรัก ความรุนแรง การจับจ้องตัดสิน การประชดประชัน ฯลฯ ที่มีต่อตนเองและผู้อื่น ล้วนเป็นเหตุปัจจัยที่ใช้ร่วมกัน คือถูกผลิตและส่งต่อกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งในโลกแห่งความจริง ทั้งในโลกเสมือนจริง (เฟสบุ๊ค, ลายน์, ลายแอด, ไอจี, อินสตาแกรม, เว็บไซต์, พอดแคสต์, อีเมล, ช่องทางเว็บบอร์ดออนไลน์รูปแบบต่างๆ ฯลฯ)

 

เราไม่รู้หรอกว่าผลกระทบดังกล่าว

มันคือแรงกรรมที่เราสร้างไว้

จากความไม่รู้สึกตัว เป็นมวลพลังงาน

ที่กำลังกระทบชิ่งเหตุปัจจัยทั้งหลาย

กลับมาสู่ผู้กระทำที่ไร้ความรู้สึกตัวนั้น

 

คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่า สิ่งร้ายๆ ในชีวิต

และสังคมที่เกิดขึ้นนั้น คุณก็มีส่วนเกี่ยวข้อง

ที่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น

จนกว่าคุณจะมี "ความรู้สึกตัว"

มีความตระหนักรู้ ยอมรับความจริง

มีความรักแท้ให้กับเพื่อนมนุษย์อย่างไร้เงื่อนไข 

 

คำเดียวสั้นๆ ของการ Oneness กับผู้อื่น จึงได้แก่ "การเป็นเพื่อนกัน ไม่ทิ้งกัน" เชื่อมต่อกันด้วยความรักความเข้าใจ ซึ่งในปัจจุบันเราเรียกสิ่งนี้ว่า โลกมิติที่ 4 (รักและเข้าใจ) บ้าง โลกมิติที่ 5 (สุญญตา) บ้าง

 

#แก่นแท้ของความรับผิดชอบ

#แก่นแท้ของความเป็นมนุษย์

#แก่นแท้ของOnenessกับผู้อื่น

#ขอบคุณผู้ชี้

#ขอบคุณเพื่อนสหธรรมิกชน

เมธา หริมเทพาธิป ความจริง ความงาม ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียว
เขียน 05 ต.ค. 2566 15:08
ปรับแก้ 05 ต.ค. 2566 15:08