Inner to Outer
ขอขอบคุณองกรณ์ United Nations Development Programme หรือ UNDP และมหาวิทยาลัยมหิดลที่สนับสนุน Sustainable Development Goals เพื่อความยั่งยืนของมนุษย์ชาติทั่วโลกทั้งในส่วนของ สิ่งแวดล้อม และ Humanity ความเท่าเทียม การยุติสงครามและความขัดแย้ง ความยากจน และความเท่ากันในสังคม
เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในทุกวันนี้ โลกหมุนเร็วอย่างมากและมีความก้าวหน้าที่ไกลอย่างคาดไม่ถึง หม่อมเชื่อว่าหากเราถามคนในยุคเมื่อ 100 ปีที่แล้ว พวกเขาคงไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ในโลกในทุกวันนี้เป็นอย่างไร มันคงเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากว่า มันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถตอบแทนทุกคำถามของเราได้อย่าง AI หรือ การเดินทางที่ทำให้มนุษย์บินได้ ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจริงเหนือจินตนาการของคนในยุคสมัยนั้น
อย่าไรก็ตาม ในขณะที่ทุกอย่างก้าวไปอย่างรวดเร็ว เราพบว่า อัตราการมีความสุขของผู้คนกลับลดน้อยถอยลง และแม้ว่าการหาความสุขภายนอกดูเป็นสิ่งที่สามารถหาได้จากทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นการพบปะสังสรรค์ยามค่ำคืน เทคโนโลยีที่ทำให้เราใกล้กันมากขึ้น หรือเปลี่ยนจากการเดินทางเป็นเดือน เป็นปีให้เหลือเพียงว 1 – 2 วัน แม้ว่าจะอยู่ไกลกันคนละซีกโลก กลับทำให้เราพบว่า ประชากรส่วนใหญ่ของโลก ยังคงขาดแคลนทรัพยากรพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่นน้ำดื่ม ที่อยู่อาศัย หรือยารักษาโรค และความขาดแคลนนั้น นำมาซึ่งความอดทนต่อสู้กับการเอาตัวรอดได้ในแต่ละวัน ในขณะที่บางประเทศแม้จะมีทรัพยากรอย่างเพียบพร้อม แต่ความไม่พอและขาดแคลนในใจยังคงมีอยู่ทุกพื้นที่ ทำให้เกิดการแย่งชิง สงคราม และการต่อสู้เพื่อครอบครองบางสิ่งบางอย่างอยู่ดี
แล้วความขาดแคลนเหล่านั้น เกิดขึ้นจากที่ไหน?
มีกี่ครั้งที่สถาบันครอบครัวสอนให้ลูกๆ มุ่งเน้นการพัฒนาภายในของตนเองมากว่าการแข่งขันภายนอก เพราะการมีความมั่นคงทางจิตใจมักไม่เป็นที่มองเห็น ชื่นชม จากโลกข้างนอก การส่งเสริมความมั่นคงและความแข็งแกร่งทางจิตใจจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนโลกไปสู่ความสันติสุข เพราะเมื่อเรามีความมั่นคงทางจิตใจ การแสวงหาภายนอกนั้นก็จะเป็นสิ่งที่จำเป็นน้อยลง การมี Inner ที่ดีเริ่มต้นจากตัวเราเอง และคำที่เรามักคุ้นชินก็คือคำว่า Inner World หรือ โลกภายในนั้นเอง
Inner World หรือ โลกภายในหมายถึงความคิด สภาวะอารมณ์ ความรู้สึก ตัวตนภายในของเรา โดยจะส่งผลต่อการจัดการตัวเองหรือ สิ่งที่เรียกว่า Self-Management และเกี่ยวข้องกับ EQ นั่นคือ ความสามารถในการรับรู้อารมณ์และจัดการอารมณ์ของตัวเองนั้นเอง
หากเรามี Inner World ที่ดี จะทำให้ส่งต่อไปยังสังคมได้ ซึ่งเมื่อทุกคนในสังคมมี Inner World ที่ดี ก็จะส่งผลไปสู่สิ่งที่เรียกว่า Social Awareness
ฉะนั้นการฝึกพัฒนา Inner World ของเราสามารถทำได้โดย
1. สร้างการการตระหนักรู้ (Awareness) หมายถึง การที่เราตระหนักรู้ทั้ง อารมณ์ ความคิดหรือพฤติกรรมของเราในปัจจุบันขณะว่าเรากำลังมีความรู้สึกอะไร มีความรู้แบบไหนเข้ามา ร่างกายเราเกิดปฏิกิริยาอะไรบ้าง ยอมรับ และจริงใจต่อสภาวที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันขณะ
2. หมั่นทำการการสำรวจตนเอง (Self Reflection) หมายถึง การสำรวจว่าตัวเรานั้นชอบหรือไม่ชอบอะไร อยู่ในสภาวะอารมณ์แบบไหน ซึ่งช่วยให้เรามองในตัวเองชัดเจนมากขึ้น และในแต่ละวัน เรามีสภาวะใดเกิดขึ้นกับตัวเราบ้าง
3. พื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) หมายถึงการหาพื้นที่ปลอดภัยกับตัวเอง อาจจะเป็นกลุ่มคน หรือบรรยากาศที่เราสามารถเป็นตัวเองหรือเล่าเรื่องภายในทั้งความเจ็บปวด ความสุข เศร้าใจ หรือประสบความสำเร็จแบบไม่ต้องกลัวว่าใครมาตัดสินเรา
4. การขอบคุณ (Appreciation) หมายถึงการเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี สิ่งที่อยู่รอบตัวของเรา เพื่อให้เราเกิดการตระหนักถึงคุณค่าในชีวิตเรา และเสริมสร้างทัศนคติบวก ที่ทำให้ชีวิตเราขับเคลื่อนได้อย่างมีพลัง
หากเราสามารถฝึกฝนตัวเองทุกวัน และเป็นต้นแบบที่เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ จากตัวเรา สู่ครอบครัว จากครอบครัว สู่ชุมชน จากชุมชนสู่เพื่อนร่วมงาน การส่งต่อก็จะใหญ่ขึ้น การตระหนักรู้ก็จะกว้างขึ้น มันอาจะใช้เวลา ที่จะทำให้ Outer World หรือโลกภายนอกของเรา กลับคืนสู่สมดุล และเกิดสันติภาพ แต่มันอาจไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเราไม่เริ่มต้นมันตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตของเรา และเพื่อลูกหลานของเรา แล้วคุณผู้อ่านหละคะ พร้อมจะเริ่มไปด้วยกันจาก Inner to Outer แล้วหรือยัง