เรากำลังลืมคุณค่าของ “ลมใต้ปีก” อยู่หรือเปล่า
.
ปกติคนที่ประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่ง มักจะผ่านความพยายาม ล้มเหลว พัฒนาต่อเนื่อง จนไปถึงความสำเร็จได้
แต่หลายครั้งเมื่อเราดำเนินชีวิตไปถึงความสำเร็จนั้น เราอาจจะรู้สึกภาคภูมิใจในความมุ่งมั่น พยายาม และความสามารถของเรา
อย่างเต็มที่ จนอาจเผลอลืมลมใต้ปีกที่คอยช่วยเหลือ สนับสนุน หรือแม้แต่ให้กำลังใจเราอยู่หรือเปล่า
เมื่อเรามองว่าความสำเร็จทั้งหมดว่ามาจากเรา พฤติกรรมที่แสดงออกต่อผู้คนของเราก็จะเป็นไปในทิศทางนั้น เช่น เฉยๆ ละเลย
ไม่ใส่ใจชื่นชม หรือหนักเข้าก็มองข้ามคุณค่าของคนๆ มองว่าเป็นของตาย (Take it for granted) ที่ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง ทำยังไง
เขาก็คงไม่ไปไหน
สถานการณ์นี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในครอบครัว เช่น คุณพ่ออาจหงุดหงิดใส่ลูกที่มาชวนเล่นด้วย สามีรู้สึกเฉยๆ ที่ภรรยาทำกับข้าวให้
หรือลูกอาจไม่พอใจที่คุณแม่โทรมาทักทายเพราะมองว่ารบกวนเวลา ซึ่งส่งผลต่อความรัก ความสัมพันธ์ให้ค่อยๆ จางลง
หรือแยกจากกันไป เพราะไม่ได้รับการมองเห็นคุณค่า และยังส่งผลต่อความผูกพันในทีมงาน (Engagement) เช่น ผู้นำอาจมองว่า
ทีมงานต้องทำงานอยู่แล้วเพราะได้รับเงินเดือน เลยมุ่งให้ Feedback หรือตำหนิตลอดเพื่ออยากให้พัฒนา โดยไม่รับรู้และชื่นชม
สิ่งที่ทีมทำได้ดี (Recognition) ทีมงานอาจรู้สึกหมดไฟที่ทุ่มเททำงานมาด้วยกัน แต่ไม่รับการเห็นคุณค่า กลายเป็นตัดสินใจลาออกได้
การรู้สึกขอบคุณ (Gratitude) ที่มาจากข้างใน จะทำให้พฤติกรรม และการสื่อสารของเราเปลี่ยนไป เมื่อเรามีมุมมองต่อผู้คนรอบตัว
ด้วยความขอบคุณ ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทางที่สำคัญที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมเรา และเขาเหล่านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของเรา
เช่นกัน สายตาที่เรามองเขาก็จะอ่อนโยน เราจะพูดกับเขาด้วยความขอบคุณ และสนใจรับฟังในสิ่งที่เขาพูดมากขึ้น
เมื่อเราชัดเจนว่าจุดยอดของความสำเร็จของเรา อยากให้มีใครอยู่ตรงนั้นด้วยบ้าง ณ วันนั้น คนเหล่านั้นจะยังอยู่กับเราหรือไม่
เราสามารถบ่มเพาะได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการรู้สึกขอบคุณค่ะ
.
หลักสูตรพัฒนาบุคลากร โดย อ.ฐิตา ภัทรวรวิศิษฏ์ https://www.delighten.co.th/thita/