Reflection:

9 ส.ค. 66 - ได้เรียนรู้อะไร และจะนำไปใช้อย่างไร จากหลักสูตร เทคนิคการสื่อสารสานสัมพันธ์ชั้นเลิศ

จากการอบรมในครั้งนี้ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการพูด การสื่อสาร การแสดงออกทางอารมณ์และความนึกคิด หลักการที่จะเข้าใจคนอื่นเราจำเป็นต้องเข้าใจตัวเองก่อน, ทักษะการนำเสนอที่สามารถนำไปประยุกตืใช้ในการทำงานได้
ภาพรวมชอบหลักสูตรนี้ทั้งหมดเลย จะนำไปพัฒนาตัวเองทั้งในด้านการทำงาน และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเนื้อหาที่อยากจะเรียนรู้มานานแล้ว ขอบคุณมากครับ
3 หัวข้อที่ชื่นชอบ 1. เรียนรู้การสื่อสาร คำพูด-น้ำเสียง-ภาษากาย 2. เรียนรู้การสื่อสารชั้นเลิศ 3. เรียนรู้การสื่อสารสานสัมพันธ์
1.ได้เรียนรู้เทคนิคการสื่อสารขั้นสูง 2.สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ 3.เทคนิคการสอนของอาจารย์ ทำให้ไม่น่าเบื่อ ครับ
3 หัวข้อที่ชื่นชอบ 1. เรียนรู้ การใช้คำพูด-น้ำเสียง-ภาษากาย 2. เรียนรู้ การฟัง-ความเข้าใจ-การถ่ายทอด 3. เรียนรู้การสื่อสารชั้นเลิศ
1.การเรียนรู้จากการพูด และการรับฟัง 2.ทัศคติในทางบวก ในการแสดงความคิดเห็น 3.เข้าใจการอยู่ร่วมกันในสังคม
1.เรียนรู้ที่จะรับฟังผู้อื่นให้มากขึ้น 2.เรียนรู้ที่จะนำคำพูดเชิงบวกไปใช้ให้มากขึ้น 3.พร้อมรับสิ่งใหม่ๆแนวคิดใหม่ๆ
1การพูดเชิงบวก 2การเข้าใจตัวเองเข้าใจผู้อื่น 3การสื่อสารด้วยคำพูด น้ำเสียง ภาษากาย
3 สิ่งที่ชอบวันนี้ 1.ลบทิ้ง ตั้งเป้าหมายแล้วต้องหมั่นตอกย้ำเป้าเรื่อยๆ เพื่อให้เป้าหมาสำเร็จ 2. การพูดในเชิงบวก ทำให้ไม่พูดในเชิงลบ 3.การนำเสนอ เป็นสิ่งที่สำคัญหากต้องการเติบโต
ได้เรียนรู้การฟังเข้าใจตนเอง และความคิดที่ปรับแก้ได้ เพื่อกำหนดเป้าหมาย
เปลี่ยนแรงต้านเป็นแรงหนุน โดยการถอยก่อนค่อยชนะ หาสิ่งที่ชอบโดยชอบในสิ่งเดียวกัน ทำความเข้าใจเราและเขา โน้มน้าวใจและทำการเจรจาต่อรอง ได้ทั้งประโยชน์ทั้งเราแและเขา win-win ทั้งคู่
การโน้มน้าว การเจรจาต่อรอง การทะลายกำแพง
1. NLP ประสาทสัมผัส ตา หู จมูก คิด จับต้อง 2. สื่อสาร ภาษากาย น้ำเสียง คำพูด 3. การสื่อสราสานสัมพันธ์ การฟัง ความเข้าใจ การถ่ายทอด
- ได้นำความรู้ไปปรับใช้ เพื่อการสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์ การตั้งเป้าหมาย ทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวัน - การคิด การใช้คำพูดเชิงบวก กับตัวเอง รวมทั้งคนรอบข้าง
มีมุมกับผู้อื่นที่ดี สามารถสร้างสารสัมพันกับผู้อื่นได้ดี เข้าใจความรู้สึกของผู้อื้น
-การสื่อสาร การรับข้อมูล การเจราต่อรอง การโน้มน้าว -คิดก่อนพูด -ไม่พูดคำพูดเชิงลบต่อคนอื่น
Delete (ลบทิ้ง) การตั้งเป้าหมาย คำศัพท์เชิงบวก การนำเสนอ ยกให้อาจารย์เลย
การปรับ และร่วมงานกับผู้อื่น
การรับ การกรอง ลดความเลื่อมล้ำ
ได้เรียนรู้เทคนิคการใช้คำพูดในเชิงบวกเพื่อการสื่อสาร การยอมรับที่จะเข้าใจผู้อื่น และการสื่อการที่สื่อออกไปผู้ฟังยอมรับที่จะฟัง
วางตัว รับฟัง ถ่ายทอดข้อมูลอย่างมี ประสิทธิภาพ
1.สื่อรูปภาพและการนำเสนอของพิธีกรที่น่าสนใจทำให้ผู้ฟังสนใจและตั้งใจฟัง 2.การนำเสนอในเรื่อง คำศัพท์เชิงบวก ทำให้ใส่ใจวิธีคิดและพูดในเชิงบวกมากขึ้น 3.ทำให้ได้คิดถึงเรื่องของการ คิดก่อนพูดมากขึ้น และมองมุมมองของคนอื่นโดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
ทำให้รู้ถึงหลักการพูดที่ดี และหลักการฟังที่ดี
นำเอาความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์กับการทำงาน 1.การนำเสนอ new project 2.การโน้มน้าว และแสดงความคิดใหม่ๆ 3.การรับฟังกับเพื่อนร่วมงาน
1.การรับข้อมูล 2.การกรองข้อมูล 3.การถ่ายอดข้อมูลสู่ผู้ฟัง 4.การโน้อมน้าวผู้รับข้อมูล
ได้เรียนรู้หลักการสื่อสารที่ดี เพื่อไปใช้ประโยชน์ได้ทันที เช่นการใช้คำเชิงบวก
3 สิ่งที่ชอบที่สุดในการอบรมครั้งนี้ 1. NLP 2. การสื่อสาร 3. การสื่อสารสัมพันธุ์และการคลี่คลายความขัดแย้ง
การเข้าใจตนเองและผู้อื่น ประสาทสัมผัส ตัวกรอง ความคิด ลบทิ้ง บิดเบือน เหมารวม
ใช้ในการทำงานและการทำธุรกิจ
ทำให้รู้หลักการพูด การสื่อสาร การใช้เทคนิคทำงาน
ทักษะการพูดคุยเจรจากับผู้อื่น และการเจรจาในแต่ละสถานการณ์
การเจรจาต่อรอง ปรับวิธีการทำงานกับคนหมู่มาก
การสร้างสพานต้องเริ่มจากตอหม้อ
การฟังซึ่งกันและกันเป็นการทำลายกำแพงเปิดจุดเริ่มต้นองการสานสัมพันธ์
ได้เรียนรู้การสื่อสารในเชิงบวก และจะได้นำไปใช้ในที่ทำงาน
เริ่มต้นจากการเป็นผู้ฟังที่ดี และให้เวลาผู้พูด การสื่อสารต้องไม่ยึดติดความคิดตัวเองและแต่งเติม พูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ ทำให้การทำงานร่วมกันได้ตามเป้าหมาย
เรียนรู้การสื่อสารกับผู้อื่นอย่างเข้าใจ เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น
ทำให้สามารถสื่อสารด้วยความเข้าใจ ถ่ายทอดและรับฟัง อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสื่อสารถ้าสื่อสารในเชิงบวกจะทำให้ได้รับประโยชน์ การรับฟังก็จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกกับเราใช้เชิงบวกเช่นกัน
เป็นหลักสูตรที่ดี มาก ได้ทั้ง EQ และ ภาวะผู้นำ และ ภาวะผู้ตาม สะท้อนตัวเราและคนรอบๆๆข้าง SWOT ดีงาม เยี่ยมยอด เอาไป 10 ดาว เลย
เทคนิคการสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ และการรับฟังที่ดี
ความเข้าใจในการฟังเพื่อนำปรับปรุงเพื่อใช้ในการทำงานและถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้
เข้าใจตัวเอง ก่อนเข้าใจผู้อื่น
รู้จักการวางตัว/การใช้คำพูดที่ดีและปรับใช้กับชีวิตการทำงาน/และชีวิตประจำวัน
การสร้างตอหม้อสะพาน จำเป็นต้องเข้าใจตนเองก่อน แล้วจึงไปเข้าใจคนอื่น จากนั้นถึงจะให้เขามาเข้าใจเรา
การตั้งเป้าหมายในการดำลงชีวิต
ได้เรียนรู้การคิดในแนวทางใดบ้างที่จะทำให้ปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลในองค์กรณ์ได้โดยที่จะไม่เกิดความขัดแย้ง และทำให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็ว
ได้เรียนรู้หลักการ สื่อสาร จะนำไปใช้กับ ครอบครัว และในสถานที่ทำงาน
การสื่อสารในเชิงบวก
หลีกเลี่ยงปะทะคารมย์ ยอมรับและตั้งใจฟังในสิ่งที่คนอื่นออกความคิดเห็น
ใช้ในการพัฒนาตัวเองและองค์กร
แนวคิดใหม่ๆ
การมองโลกในด้านบวก
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
ฟังผู้อืน คิดก่อนพูด ทุกครั้ง
ควรตั้งใจฟัง มีสมาธิ จับประเด็นเนื้อหาที่เขาจะเล่า อย่างน้อยต้องรู้จักให้ความสำคัญกับคู่สนทนา
รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้้จักยินยอม ผ่อนปรน ผ่อนผัน ปล่อยวาง
ในสถาณการที่แตกต่างกัน เราควรเลือก สิ่งที่เหมาะสมที่สุด มาใช้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าข้อมูลเราถูกต้อง เราก็ควรที่ต้องชนะ ถ้าหากเราชนะแล้วความสัมพัธ์ในอนาคตไม่ดี ก็ควรเลือกแบบประนีประนอม
เรียนรู้ตนเอง เรียนรู้คนรอบๆๆๆข้าง สร้างความสัมพันธ์ เพื่อบรรลุความสำเร็จ ในการประสานงาน และ การทำให้เกิดงานในทิศทางที่ดี ต่อยอดได้
การทำลายกำแพง เพื่อลดความขัดแย้ง เกิดความเข้าใจทั้งของตนเองและผู้อื่น ส่วนการถ่ายทอดนั้น การนำเสนอข้อเท็จจริงจะต้องเกี่ยวกับการทำงานหรือสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรใช้อารมณ์ การใช้อารมณ์ในการถ่ายทอดนั้นควรนำเสนออย่างมีรสชาติ เช่น การเล่าเรื่อง การพากษ์การ์ตูนหรือหนังหรือซีรีย์ เป็นต้น
บางเรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ก็ยอมให้อีกฝ่ายชนะเพื่อให้ความสัมพันธ์ไปต่อได้
เรียนรู้การให้เกียรติกันคนอื่นก่อน เข้าใจตัวเองก่อนเข้าใจคนอื่น ยอมถอยเพื่อชนะ
ได้เรียนรู้การฟังและการทำความเข้าใจผู้อื่น และสื่อสารออกไปอย่างเข้าใจง่าย เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง
รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย คือน้ำใจของนักกีฬา
- ทักษะการเจรจา - การคลี่คลายความขัดแย้ง
คิดก่อนพูดทุกครั้ง รู้ว่าคนที่พูดด้วยคือใคร ควรพูด หรือไม่ควรพูดอะไร รวมทั้งต้องรู้ด้วยว่า เรื่องไหนที่เราพูดแล้วไปกระทบกับจิตใจเขาหรือไม่
รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แล้วทำการทดลอง และคิดเชิงบวก
คิดก่อนพูดทุกครั้ง เพราะคำพูดมีคุณและโทษให้กับตัวเองและคนอื่น
ประเมินความคิดตัวเองก่อนพูดถึงคนอื่น ตั้งใจฟังเข้าให้จบค่อยให้คำตอบ
ตั้งใจฟังและ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ให้มากขึ้น
พูดก่อนคิด พูดให้กำลังใจ
ความรู้ที่ได้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น การพูด การรับฟังความคิด และข้อคิดเห็นต่าง ได้ดีและได้มุมมองที่กว้างมากขึ้น
การรับฟังความคิดของผู้อื่น เป็นการเปิดความคิดในมุมมองที่เราไม่เห็น
ความคิด ฟัง คำพูด ทุกอย่างจะต้องคิดก่อนที่จะพูดออกมา ไม่ควรพูดเชิงลบจะเป็นการทำร้ายผู้อื่นทางอ้อม
รับฟังความคิดของคนอื่น ไม่แสดงความติดต่อต้าน
รับฟังความคิดเห็นชองผู้อื่นมากขึ้น ไม่ตัดสินความคิดของผู้อื่น
ให้คำตอบกับเพื่อนที่เขาอยากได้คำตอบแบบชื่นชมและให้กำลังใจ พูดให้น้อยรับฟังให้เยอะ
รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ผิดก็ยอมรับผิด และให้โอกาส ใหม่ๆ
นิ่งฟังให้มากขึ้น พูดในทางสร้างสรรค์ ไม่พูดกระทบจิตใจ
นิ่งให้มากขึ้น เป็นผู้รับฟังที่ดี ไม่บูลลี่ผู้อื่น
ไม่พูดสิ่งแย่ๆ คำพูดเชิงลบกับคนอื่น คิดก่อนพูดเสมอ
ตั้งใจฟัง เข้าใจเขา เข้าใจเรา
ลดการสนทนาเชิงลบ
รับฟังความคิดเห็น คำพูดของคนอื่น
คิดให้ดีก่อนที่จะพูด
พูดให้น้อย คิดให้เยอะ รับฟังเสียงของคนอื่นด้วย ไม่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ค่ะ
ใจเขา ใจเรา
หยุดฟังผู้พูดให้จบ แล้วค่อยนำเสนอความคิดของตัวเอง
คิดก่อนพูด
ได้นำความรู้ไปปรับใช้ เพื่อการสื่อสารสานสัมพันธ์ทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์และความเข้าใจกันได้ดียิ่งขึ้น
การพูด การรับฟัง การยอมรับความคิดเห็นคนอื่น นำไปสู่การปรับปรุง หาทางแก้ไขปัญหาได้
การสื่อสารที่ดีทำให้ผู้รับสารเปลี่ยนความคิดของผู้รับสารได้
ช่วยให้เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของรูปแบบและลักษณะในการสื่อสารกับผู้อื่นได้ลึกซึ้งขึ้นมากครับ
ภาษากายมีความสำคัญมาก คนเราจะเป็นมิตรได้เมื่อเริ่มต้นจากท่าทางทางกายมาก่อนเสมอ นำ้เสียงที่อ่อนโยน ฟังแล้วไม่ขัดหู ตามมาด้วยคำพูดเชิงบวกที่พูดดี ตามลำดับ
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการ การสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสาร ทั้งการใช้คำพูด น้ำเสียง และกริยาร่างกาย ให้คนอื่นได้รับรู้ความรู้สึกเรามากขึ้น พร้อมทั้งทำให้เข้าใจ การที่คนอื่นสื่อสารกับเรา ว่าต้องทำตัวและวางตัวอย่างไร ครับอาจารย์
-จิตใต้สำนึกสนใจคำศัพท์เชิงบวก -ภาษากายสำคัญกว่าคำพูด
ภาษากายนั้นสำคัญมาก ถ้าอยากให้การสื่อสารประสบความสำเร็จ ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก และต้องเปลี่ยนคำพูดเชิงลบเป็นเชิงบวก เช่น เรื่องนี้ได้เรียนรู้อะไร
บุคลิคภาพ ในการ พูด ฟัง ท่าทาง ในทิศทาง +
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการคิด วิเคราะห์ และรับฟังความเห็นของผู้อื่นมากขึ้น และเข้าใจการปรับตัวในการทำงานมากขึ้น
แลกเปลี่ยนความคิด น้ำเสียง ท่าทาง
เทคนิคการพูดการสื่อสารที่ดีขึ้นกว่าเดิม
มีความคิดที่กว้างไกล มีความเป็นผู้นำ
ตัวกรองสมอง มีการตั้งเป้าหมาย บิดเบือน เป็นการปรับเปลี่ยนความคิดร่วมกัน เหมารวมๆ นำใช้ดูรายบุคคล เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน นำไปใช้กับการทำงานและชีวิตประจำวันได้
การสร้างความเข้าใจและแนวทางร่วมกัน โดยต้องเข้าใจตัวเองก่อน และ ผู้ร่วมงานอย่างแท้จริง เรียนรู้วิธีการ คิดของผู้ร่วมงาน สร้างมิตรภาพเชิงบวกและเพื่อสร้างแนวร่วมในการทำงาน
ประสาทสัมผัส การนำไปใช้ ทุกๆเรื่องก็จะต้องผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ เช่น สิ่งที่เราเห็น มันอาจมีเรื่องราวมากกว่าหนึ่ง
หัวข้อ Delete การตั้งเป้าหมาย สามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน/เดือน/ปี ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายเรื่องการทำงาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว
กระบวนการความคิดจดจำวิเคราะห์ จากสิ่งที่สัมผัส ต่างกัน จากการเห็น การได้ยิน ได้สัมผัส ได้กลิ่น ความคิด
เรื่องตัวกรองในสมอง : ในหัวข้อ distort บิดเบือน สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้ เมื่อมีการทำงานร่วมกับผู้อื่นก็จะมีการแชร์ความรู้ของทุกๆคน และรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเพื่อที่จะทำให้งานนั้นๆ มีประสิทธิภาพและถูกต้องมากขึ้น
ได้เปิดมุมมองทางความคิด นำไปปรับใช้ในการทำงาน เช่นการเปิดรับความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน
ความหมายของ NLP คือ การใช้ภาษาสื่อสารกับสมอง ให้เกิดประโยชน์ ประสาทสัมผัส รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส คิด ต้วกรองในสมอง Delet ลบทิ้ง Distort บิดเบือน Generalize เหมารวมๆ
ได้รู้จักการจัดระเบียบความคิด อารมณ์ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจากตัวกรองในสมอง
การฝึกสมอง ความจำ
นำแนวความคิดที่ได้เรียนรู้ นำไปใช้ต่อได้ ในทุกศาสตร์ และเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำกัน
ได้เรียนรู้การสื่อสารกับสมองเกี่ยวกับ ประสาทสัมผัส ตัวกรอง ความคิดของมนุษย์
ความคิดของเราอาจไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นคิด
ประสาทสัมผัส มี รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
การเหมารวม
ลบทิ้ง บิดเบือน เหมารวม