หลุมพรางที่สำคัญจะมาจากตัวตน (ร่างกาย วิญญาณ และจิต) ของเราเป็นหลัก ได้แก่
“ความยึด” กับความจริงที่ยึดมั่นอยู่เดิม ไม่ปล่อย ไม่มองเห็นมุมอื่นเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ๆ แนวทางการที่จะไม่ติดกับความยึดคือ ฝึกเข้าใจโลกของผู้อื่น ฝึก empathy (ความเห็นโลกของผู้อื่น รับรู้จิตใจผู้อื่นเสมือนเห็นจิตใจของตนเอง) สัมผัสรู้ความเป็นไปในโลกของคนอื่น สัตว์ พืช สิ่งต่างๆ ของธรรมชาติ และมนุษย์ อย่างเข้าใจความจริงใหม่ในแบบที่สิ่งนั้นเป็น อยู่ในโลกของผู้อื่น ของสิ่งอื่นให้มาก กว่าอยู่ในโลกของตัวตนของตัวเอง
“ความอยาก” หมายถึงความอยากในทุกอย่างรวมถึงอยากที่จะตื่นรู้ อยากที่จะรู้ อยากจะมีสภาวะตามที่เค้าว่ากัน ฯลฯ แนวทางการที่จะไม่ติดกับความอยากคือ พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ พอใจในปัจจุบัน พอใจในอดีตที่ผ่านมา พอใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มองให้เห็นภาพว่า อะไรที่เกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ (คำสอนนี้ได้รับจากหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม) อะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ดีเสมอ เพียงเรายังมองไม่ออก ก็ขอให้เชื่อใจและวางใจในชีวิตที่เป็นมาและเป็นไป ฝึกฝนดำเนินไปตามสิ่งที่รู้ ตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถามในใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเอง เพื่อสังเกตให้มองเห็นคำตอบที่ผ่านเข้ามา
ตั้งคำถามว่าอะไรเกิดขึ้นเพราะอะไร ตระหนักรู้ความจริงว่า”อะไรที่เราสังเกตเห็นได้สิ่งนั้นย่อมไม่ใช่เรา” “อะไรที่จริงแท้ย่อมต้องจริงทุกกรณีเสมอ” สังเกตให้เห็นว่าไม่มีความจริงใดของตัวตนที่สร้างขึ้นให้ปรากฏขึ้นโดยที่ไม่มีเงื่อนไข(นั่นย่อมไม่ใช่ความจริงแท้) “ความไม่อยากรู้” “ไม่อยากตื่นรู้” คือ สภาวะสำคัญที่ทำให้เราไม่ติดหลุมพราง วางใจว่าเมื่อเวลาเหมาะสมมาถึงให้เชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งที่ปรากฏกับตนเอง กล้าที่จะเดินหน้าไปในที่ๆ ไม่รู้ กับคนที่ไม่รู้ โดยไม่คาดหวังว่าเราจะได้อะไร และทำเพื่ออะไร ไหลเชื่อมโยงเข้ากับจังหวะที่ชีวิตนำพามาสู่ ดีใจที่พบเขา ที่ปรากฏขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม ดีใจที่เรารับรู้ได้ว่านี่คือสิ่งที่เป็นไปตามจังหวะชีวิต
“ความหลง” ในความรู้ใหม่ๆ ที่รับรู้ ที่เปลี่ยนแปลงไป และหยุดที่จะเดินทางต่อ หยุดสังเกตต่อ หยุดปฏิบัติต่อ ไม่เห็นความเชื่อมโยงที่เป็นภาพที่ใหญ่กว่าตรงนั้น หลงไปในความรู้ที่กลายสภาพเป็นสมบัติที่ตัวตนยกย่องเชิดชูและกอดไว้ แนวทางการที่จะไม่ติดกับความหลงคือ มองตัวเองและทุกคน ทุกอย่างคือธรรมชาติ คือธรรมดา ไม่ได้มีความหมายอะไร กายคือส่วนหนึ่งของโลกและสรรสิ่ง จิตใจเช่นกัน ที่ปรากฏทั้งหมดคือผลของการรับรู้ เมื่ออะไรที่ไม่จริงเสมอแม้มีเพียงจุดเล็กๆ ที่เป็นเลื่อนไขให้ไม่จรง สิ่งนั้นย่อมไม่จริงแท้ ไม่ควรจะไปยึดไว้ มองให้เห็นเหตุของการปรากฏขึ้นแล้วปล่อยไป