อิสรภาพแห่งการรับรู้ที่ลึก กว้าง

ณ เมื่อเราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการรับรู้ จนก่อเกิดอารมณ์ และเกิดเป็นความทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะทางช่องทางไหน ทางกาย ทางวิญญาณ ทางจิต หรืออื่นใด ย่อมทำให้ความหลงไปในการรับรู้เกิดขึ้น และก่อเกิดการขับเคลื่อนการกระทำโดยขาดการพิจารณาสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ ที่เชื่อมโยง ที่เกิดขึ้น ที่ดับไป หลงกระทำการโดยยึดถือการรับรู้ว่าเป็นความจริงที่กำลังเกิดขึ้น หลงไปตัดสินใจปักใจเชื่อโดยไม่พิจารณาให้เห็นความเป็นไปที่เชื่อมโยง ที่เป็นเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่กว้างใหญ่ ที่ลึก ที่ยังมองไม่เห็น ทำให้เห็นความจริงเพียงจากโลกการรับรู้ส่วนตัวของเรา หรือจากโลกของบางคนที่เราเชื่อถือ ว่านั่นคือความจริงทั้งหมดแล้วจริงๆ เกิดการขัดแย้งในความคิด หงุดหงิด โต้แย้งกับผู้อื่น เกิดความหวาดกลัว และสารพัดอารมณ์ที่จะนำเราสู่ความทุกข์ จนก่อเกิดการกระทำทางกาย วาจาที่ส่งผลเพื่อตอบสนองต่อความอยากที่จะดิ้นรนไปให้พ้นจากสภาวะดังกล่าว และหากไม่สามารถกระทำการเพื่อผลที่อยากที่ขับเคลื่อน ไม่สามารถดับอารมณ์ได้ สร้างเป็นความความตึงเครียดให้ตนเองและผู้อื่น

หากเรามิใด้ตกอยู่ใต้อิทธิพลการรับรู้ใดๆ เห็นในความจริงที่แท้จริง ที่กำลังดำเนินไปหรือในที่นี้คือคำว่า ตื่นรู้การกระทำจะเป็นไปด้วยการมองเห็นเหตุปัจจัยทั้งหมด พิจารณาและมองออกว่าอะไรคือเหตุที่สำคัญ เหตุที่แท้ และกำหนดการกระทำเพื่อผลแห่งเหตุ ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ที่จะก่อให้เกิดคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น ย่อมกระทำให้เกิดผลลัพธ์ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพ

เมื่อคนส่วนมากในสังคมกระทำการต่างๆ ด้วยสภาวะเช่นนี้ ผลรวมของสิ่งที่ร่วมสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในสังคมก็จะเกื้อหนุนให้ ชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยรวมอยู่ในสภาพที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตให้สมดุลต่อทุกชีวิต

หากเราฝึกฝนแยกแยะสภาวะรับรู้ที่มาจากประสาทสัมผัสทางกาย ความคิด อารมณ์ จินตนาการ พลังงานโดยรอบ และจากผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับเราได้อย่างชัดเจน เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไป และมีสิ่งใดเข้ามากระทบชีวิตหรือโลกส่วนตัวของเราผ่านการรับรู้  เราจะแยกแยะได้ถึงความเป็นไปของเหตุการณ์นั้นๆ ว่ามาจากการรับรู้ใดบ้าง การแยกแยะที่ชัดเจนนี้จะช่วยให้การรับรู้นั้นๆ ไม่ผ่านเข้าไปกระทบต่ออารมณ์หรือความคิด จนก่อให้เกิดการกระเพื่อมทางอารมณ์ ตลอดจนความรู้สึกทางใจและกายที่เรียกว่า สุขหรือทุกข์

เมื่อเราเห็นเหตุของการเกิดขึ้นทางสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน อารมณ์ของเราจะไม่ถูกกระตุ้นโดยผลของมัน เพราะการมีเหตุมีผลที่เห็นจริงและเข้าใจได้ดังนั้น ณ สภาวะนั้น เราจะเห็นความเป็นจริงที่แท้จริง จะจัดการเหตุการณ์ที่เข้ามาได้ตามความเป็นไป หรือตามเหตุที่ต้องเป็น และไม่ได้เป็น เราจะสื่อสาร ชี้แจง แนะนำต่อคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้นได้อย่างตรงไปตรงมา ตามสิ่งที่ควรจะต้องสื่อสารอย่างไม่มีการกระทบกระทั่ง และยอมรับทั้งในความคิดเห็นที่สอดคล้องและแตกต่างเพื่อก่อผลไปในทางที่เหมาะสม

BeingCreator I'm just a designer who want to change the world I live
เขียน 10 ต.ค. 2566 20:04
ปรับแก้ 10 ต.ค. 2566 20:04